โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศเสนอชื่อ พอล แอตกินส์ ให้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC)
แอตกินส์ซึ่งปัจจุบันเป็นซีอีโอและผู้ก่อตั้งบพาโทแมค โกลบอล พาร์ทเนอร์ส (Patomak Global Partners) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านการบริหารความเสี่ยงนั้น เคยทำหน้าที่เป็นกรรมการ SEC ในช่วงปี 2545-2551 ในสมัยอดีตประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช
SEC ประกอบด้วยกรรมการจำนวน 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นจะได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธาน และการแต่งตั้งประธาน SEC จะต้องได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภาสหรัฐฯ
ทรัมป์โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียล (Truth Social) ว่า "พอล แอตกินส์ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นผู้นำที่มีไหวพริบในด้านการใช้กฎระเบียบ เขาเชื่อในตลาดทุนที่มีการนวัตกรรม ซึ่งคุณสมบัตินี้จำเป็นสำหรับตลาดทุน และเขาจะทำให้ตลาดทุนของเราเป็นตลาดที่ดีที่สุดในโลก"
สำหรับประธาน SEC คนปัจจุบันคือแกรี เจนสเลอร์ เขาประกาศว่าจะลาออกเมื่อทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่อย่างเป็นทางการ โดยเจนสเลอร์ซึ่งไม่เชื่อในสกุลเงินดิจิทัลนั้น ยืนยันว่าเขาจะลาออกในวันที่ 20 ม.ค. 2568 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ แม้วาระการดำรงตำแหน่งห้าปีของเจนสเลอร์ยังไม่สิ้นสุดลงจนกว่าจะถึงปี 2569 แต่ตามธรรมเนียมแล้ว ประธาน SEC จะก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาลที่นำโดยประธานาธิบดีจากต่างพรรค นอกจากนี้ ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ยังได้ประกาศกร้าวว่าเขาจะปลดเจนสเลอร์ออกจากตำแหน่งด้วย เจนสเลอร์ถือเป็นไม้เบื่อไม้เมากับทรัมป์และอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี โดยเขาแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อสกุลเงินดิจิทัล และ SEC ภายใต้การนำของเจนสเลอร์ได้ฟ้องร้องแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ เช่น ไบแนนซ์ (Binance), คอยน์เบส (Coinbase) และ คราเคน (Kraken) รวมถึงสตาร์ทอัพขนาดเล็กต่าง ๆ นอกจากนี้ SEC ยังขยายขอบเขตการบังคับใช้กฎหมายต่อบริษัทคริปโทฯ ด้วย