ธนาคารรายใหญ่ในวอลล์สตรีทต่างคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษในปีหน้า เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจและแก้ปัญหาเงินฝืด
โกลด์แมน แซคส์ และมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.40% ในปี 2568 ซึ่งจะเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปีปฏิทินนับตั้งแต่ปี 2558 และจะส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 7 วัน ลดลงเหลือ 1.1% ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่าจะแบงก์ชาติจีนจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.30%
ทั้งนี้ จีนกำลังเผชิญกับภาวะเงินฝืดที่ยาวนานที่สุดในศตวรรษนี้ ขณะที่การกลับมาของโดนัลด์ ทรัมป์ในตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อาจนำไปสู่สงครามการค้ารอบใหม่ ซึ่งอาจทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เนื่องจากการที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าอาจซ้ำเติมปัญหาเงินฝืดของจีน หากผู้ส่งออกของจีนไม่สามารถหาผู้ซื้อในตลาดต่างประเทศได้และจำเป็นต้องหาทางระบายสินค้าในตลาดภายในประเทศแทน
"จีนกำลังเผชิญความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในด้านเงินฝืด และ PBOC จำเป็นต้องรับมือกับสถานการณ์นี้" แลร์รี หู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนจากแมกควอรีกล่าว พร้อมคาดการณ์ว่าจีนจะปรับลดดอกเบี้ยลง 0.4% ในปีหน้าเช่นกัน
สำหรับการคาดการณ์ที่ว่าการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในปีหน้าอาจฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลง 0.5% นั้น นายหูมองว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ PBOC ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศด้านอื่นๆ อาจช่วยชดเชยผลกระทบดังกล่าวได้