นักเศรษฐศาสตร์ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจในเอเชียมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะรับมือกับความปั่นป่วนได้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดการกับสถานการณ์วุ่นวายในช่วงเวลาที่ภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับความเสี่ยงภายในหลายด้าน รวมถึงการกลับสู่ทำเนียบขาวของโดนัลด์ ทรัมป์
ภูมิภาคเอเชียยังคงเป็นเครื่องจักรหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก แต่ในปีนี้กลับเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นจากหลายปัจจัย การเปลี่ยนแปลงผู้นำในญี่ปุ่น ความผิดพลาดในการประกาศกฎอัยการศึกในเกาหลีใต้ และการขู่เก็บภาษีศุลกากรจากทรัมป์ ล้วนทำให้อนาคตของภูมิภาคนี้ยากต่อการคาดการณ์มากขึ้น
แม้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเทศหรือสถานการณ์ทางการเมืองที่เฉพาะเจาะจง แต่ อลาสแดร์ สก็อตต์ หัวหน้าฝ่ายเอเชีย-แปซิฟิกของ IMF ได้เน้นย้ำถึงความแข็งแกร่งของภูมิภาคนี้ และกล่าวว่า เอเชียยังคงมีศักยภาพในการเติบโตที่ดีอยู่มาก
"เราได้เห็นแล้วว่าภูมิภาคนี้มีความแข็งแกร่ง" สก็อตต์กล่าวเมื่อวันจันทร์ (9 ธ.ค.) หลังจากที่ก่อนหน้านี้เขาได้บ่งชี้ถึงความปั่นป่วนในตลาดเมื่อเดือนส.ค.ที่เกิดขึ้นหลังจากธนาคารกลางญี่ปุ่นปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ค. โดยเขาระบุเสริมว่า "มีความท้าทายที่ต้องรับมือ เช่น ประเด็นระยะยาวอย่างโครงสร้างประชากรและแรงงาน แต่ก็ยังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สก็อตต์และโยฮันเนส วีแกนด์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเดินทางเยือนกรุงโซลของเกาหลีใต้ในสัปดาห์นี้เพื่อเข้าร่วมการประชุมกับสถาบันนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเกาหลีใต้ในหัวข้อเกี่ยวกับทรัมป์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก