รัฐบาลอินโดนีเซียได้ประกาศมาตรการทางเศรษฐกิจชุดใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในปี 2568 โดยมาตรการเหล่านี้ประกอบไปด้วยการลดค่าไฟฟ้า การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ภาคอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงาน และการยกเว้น VAT สำหรับการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์บางประเภท
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลอินโดนีเซียจะปรับเพิ่ม VAT จากเดิม 11% เป็น 12% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค. 2568 ซึ่งภาษีที่เพิ่มขึ้นนี้จะครอบคลุมสินค้าและบริการบางประเภท เช่น ข้าวคุณภาพพรีเมียม เนื้อสัตว์และปลา รวมถึงโรงเรียนนานาชาติและโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง
อย่างไรก็ตาม แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย ได้แถลงต่อสื่อมวลชนว่า สินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นบางประเภทจะได้รับการยกเว้น VAT นอกจากนี้ น้ำมันปรุงอาหารราคาประหยัดที่จัดจำหน่ายโดยรัฐบาลและน้ำตาลที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรมจะไม่ถูกปรับขึ้นภาษีตามอัตราใหม่
ฮาร์ตาร์โตยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลจะมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้กับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์
สำหรับครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลาง รัฐบาลจะดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้วยการลดอัตราค่าไฟฟ้าลง 50%
นอกเหนือจากมาตรการข้างต้นแล้ว รัฐบาลยังประกาศอีกว่าจะไม่เก็บภาษีเงินได้จากพนักงานในอุตสาหกรรมที่เน้นการใช้แรงงาน ซึ่งมีเงินเดือนต่ำกว่า 10 ล้านรูเปียห์ (624.61 ดอลลาร์สหรัฐ) ต่อเดือน
นอกจากนี้ เพื่อส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) รัฐบาลจะขยายเวลามาตรการจูงใจทางภาษีสำหรับรถ EV และเพิ่มมาตรการจูงใจทางภาษีใหม่สำหรับรถยนต์ไฮบริดอีกด้วย