Conference Board ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยที่มีสำนักงานในสหรัฐฯ เปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ความเชื่อมั่นของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของบริษัทต่างชาติที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในจีน มีมุมมองเชิงลบเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่แล้วก็ตาม
ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นในหมู่ซีอีโอของบริษัทต่างชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทยุโรปและสหรัฐฯ นั้น ลดลงแตะระดับ 49 จากระดับ 56 ในการสำรวจเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดยดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ว่า จำนวนซีอีโอที่มีมุมมองเป็นลบนั้น มีมากกว่าผู้ที่มีมุมมองเป็นบวก
การสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 30 ก.ย. - 28 ต.ค. หลังจากรัฐบาลจีนประกาศมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ และจัดทำขึ้นก่อนที่โดนัลด์ ทรัมป์ จะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งทรัมป์ขู่ว่าจะปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การสำรวจครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าซีอีโอต่างชาติยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีนในปีนี้ โดยล่าสุดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทางการจีนเปิดเผยยอดค้าปลีกที่อ่อนแอลงมากกว่าคาดในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนล่าสุดว่าการอุปโภคบริโภคในจีนกำลังชะลอตัวลง
ซีอีโอที่เข้าร่วมการสำรวจระบุว่า การชะลอตัวทางเศรษฐกิจจีนเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดที่ธุรกิจของพวกเขาเผชิญอยู่ และกล่าวว่ากำไรของบริษัทซบเซาลงเนื่องจากลูกค้ามีความอ่อนไหวมากขึ้นต่อราคาสินค้าและต่างก็มองหาสินค้าลดราคาหรือชะลอการซื้อ
นอกจากนี้ ซีอีโอมากกว่าครึ่งหนึ่งที่เข้าร่วมการสำรวจกล่าวว่า คู่แข่งในจีนมีความรวดเร็วมากกว่าในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดเหล่านี้ โดยมักเสนอสินค้าที่มีคุณสมบัติเทียบเท่าหรือเหนือกว่า ในราคาที่ต่ำกว่ามาก