กองทุนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติมาเลเซีย (1MDB) ยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากผู้ให้บริการด้านการเงิน อามิคอร์ป กรุ๊ป (Amicorp Group) รวมถึงซีอีโอของบริษัท โดยกล่าวหาว่าเอื้ออำนวยการทำธุรกรรมฉ้อโกงมูลค่ากว่า 7 พันล้านดอลลาร์
คดีนี้นับเป็นหนึ่งในคดีใหญ่ที่สุดที่ 1MDB ยื่นฟ้อง โดยดำเนินคดีในหมู่เกาะบริติชเวอร์จินกับบริษัทในเครืออามิคอร์ป 8 แห่ง รวมถึงทวน นิปปิง ซีอีโอของบริษัท ด้วยข้อกล่าวหาว่ามีบทบาทสำคัญในการทำให้ 1MDB ถูกฉ้อโกงในช่วงปี 2552-2557
ก่อนหน้านี้ หน่วยสืบสวนของมาเลเซียและสหรัฐฯ ประเมินว่า มีเงินราว 4.5 พันล้านดอลลาร์ถูกยักยอกไปจาก 1MDB นับแต่ก่อตั้งในปี 2552 โดยพัวพันถึงอดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค, พนักงานโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) และเจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายราย ปัจจุบัน นาจิบถูกจำคุก แม้จะปฏิเสธข้อกล่าวหาก็ตาม
1MDB กล่าวหาว่า อามิคอร์ป ซึ่งตั้งสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง วางแผนสมรู้ร่วมคิด ตั้งบริษัทบังหน้าหลายชั้น สร้างธุรกรรมปลอมและโครงสร้างการเงินเท็จ เพื่ออำพรางที่มาและปลายทางของเงินที่ถูกยักยอก
1MDB ระบุว่า เงินที่ถูกยักยอกถูกส่งผ่านสิงคโปร์ บาร์เบโดส กูราเซา ฮ่องกง และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน
นอกจากนี้ 1MDB ยังกล่าวหาว่า อามิคอร์ปใช้อามิคอร์ป แบงก์ (Amicorp Bank) ในบาร์เบโดส เป็นช่องทางเข้าสู่ระบบการเงินโลก และจัดบริการด้านการเงินและธนาคารให้กองทุนเพื่อหมุนเวียนสินทรัพย์ซ้ำไปมา สร้างภาพว่าเงิน 1MDB ถูกนำไปลงทุนและสร้างผลตอบแทน ทั้งที่ความจริงถูกยักยอกไปแล้ว
1MDB เรียกร้องค่าเสียหายจากการที่อามิคอร์ป "ไม่ซื่อสัตย์" ละเมิดหน้าที่ความไว้วางใจ และสมรู้ร่วมคิดกระทำผิดกฎหมาย โดยระบุว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามระดับโลกในการติดตามสินทรัพย์ 1MDB ที่ถูกยักยอกไปกลับคืนมา
"เรามีหลักฐานชัดเจนว่า อามิคอร์ปรู้เห็นถึงระดับผู้บริหารสูงสุดว่าตัวเองมีส่วนร่วมในแผนฟอกเงินที่ไม่ซื่อสัตย์และผิดกฎหมาย ที่ออกแบบมาเพื่อผันเงินก้อนใหญ่ไปจากผู้ที่ควรได้รับ นั่นคือประชาชนชาวมาเลเซีย" โฆษก 1MDB กล่าวในแถลงการณ์
ด้านสำนักข่าวเบอร์นามารายงานว่า ณ เดือนก.ย.ปีนี้ มาเลเซียติดตามเงินที่เกี่ยวข้องกับ 1MDB คืนมาได้ 2.717 หมื่นล้านริงกิต (6.06 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)