กระทรวงการคลังอิสราเอลเปิดเผยว่า เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ในอิสราเอลปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567 แม้ว่าอิสราเอลเผชิญกับการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา รวมทั้งการสู้รบกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนก็ตาม
ทั้งนี้ ยอด FDI ในอิสราเอลในช่วงเดือม.ค.-มิ.ย.อยู่ที่ 1.18 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ที่ระดับ 7.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ซามูเอล อับรามซัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของกระทรวงการคลังอิสราเอลกล่าวว่า "ข้อมูลในปี 2567 แสดงให้เห็นว่าอิสราเอลได้รับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติจำนวนมาก เราคาดว่าสถานการณ์ด้านความมั่นคงและสภาพแวดล้อมทางการเมืองในอิสราเอลจะดีขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุน FDI ให้เพิ่มขึ้นด้วย"
ส่วนตลอดปี 2566 ที่ผ่านมานั้น ยอด FDI ในอิสราเอลอยู่ที่ระดับ 1.79 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2562 โดยมีสาเหตุมาจากการที่เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอลยังคงเดินหน้าทำสงครามกับกลุ่มฮามาส หลังจากที่ฮามาสโจมตีดินแดนอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566
กระทรวงการคลังอิสราเอลระบุว่า ในปี 2566 นั้น สหรัฐฯ มีการลงทุนในอิสราเอลมากที่สุด รองลงมาคือฝร่งเศส อินเดีย และอังกฤษ
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2566 บริษัทอินเทล คอร์ป (Intel Corp) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศทุ่มเงินลงทุน 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ทางตอนใต้ของอิสราเอล ซึ่งถือเป็นการลงทุนด้วยวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทต่างชาติในอิสราเอล