อัตราการเกิดในเวียดนามดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยอัตราการเจริญพันธุ์รวมลดลงเหลือเพียง 1.91 คนต่อผู้หญิงหนึ่งคน นับเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันที่อัตราการเกิดต่ำกว่าระดับที่สามารถทดแทนจำนวนประชากรได้
แนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไปในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยหนึ่งในสาเหตุสำคัญคือการที่ทรัพยากรซึ่งรัฐบาลกลางและท้องถิ่นทุ่มเทให้กับการแก้ปัญหาดังกล่าวยังไม่เพียงพอ ตามที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเวียดนาม เหงวียน ถิ เลียน เฮือง กล่าวไว้ในเว็บไซต์ของกระทรวงฯ ในวันนี้ (30 ธ.ค.)
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เช่นเดียวกับหลายประเทศในเอเชียที่กำลังเผชิญกับอัตราการเจริญพันธุ์ลดลง เวียดนามมีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบระยะยาวของการที่เด็กเกิดน้อยลงและการก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
ทางการเวียดนามถึงกับใช้รายการโทรทัศน์หาคู่และโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวมีลูกมากขึ้น ท่ามกลางกระแสความนิยมการมีครอบครัวขนาดเล็ก อันเป็นผลมาจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างประชากร
ภาวะอัตราการเกิดต่ำที่ยืดเยื้อนี้อาจนำไปสู่ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน เร่งให้เกิดสังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว และสร้างแรงกดดันต่อระบบประกันสังคม
ตามรายงานของกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเร็วที่สุดในโลก โดยในปี 2562 สัดส่วนของผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป คิดเป็น 11.9% ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสูงถึง 25% ภายในปี 2593
เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว ร่างกฎหมายประชากรฉบับใหม่ได้เสนอมาตรการหลายประการเพื่อกระตุ้นการมีบุตร อาทิ การสนับสนุนช่วยเหลือคนทำงานที่มีลูกเล็ก รวมถึงการยกเลิกบทลงโทษสำหรับครอบครัวที่มีลูกตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
ร่างกฎหมายนี้คาดว่าจะถูกนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาแห่งชาติในสมัยประชุมที่ 10 ช่วงต้นปี 2568 และจะมีการลงมติในปีถัดไป