มาเลเซียประกาศนโยบายสร้างแรงจูงใจด้านภาษีเพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษยะโฮร์-สิงคโปร์ (JS-SEZ) พร้อมกับตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจของมาเลเซียถึง 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ภายในปี 2573
กระทรวงการคลังมาเลเซียและรัฐบาลรัฐยะโฮร์ได้เปิดเผยรายละเอียดของนโยบายดังกล่าวในวันนี้ (8 ม.ค.) ซึ่งประกอบด้วยการปรับลดภาษีนิติบุคคลลงเหลือ 5% เป็นระยะเวลา 15 ปี และปรับลดภาษีเงินได้สำหรับแรงงานที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศนโยบายสร้างแรงจูงใจด้านภาษี มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และลอว์เรนซ์ หว่อง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ลงนามข้อตกลงอย่างเป็นทางการในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ JS-SEZ ซึ่งเชื่อมพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้มีพื้นที่กว่า 3,500 ตารางกิโลเมตร ซึ่งใหญ่กว่าประเทศสิงคโปร์ถึง 4 เท่า และใหญ่กว่าเมืองเซินเจิ้นของจีนเกือบ 2 เท่า
อามีร์ ฮัมซะห์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนที่สองของมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์ว่า นโยบายสร้างแรงจูงใจด้านภาษีจะช่วยดึงดูดการลงทุนที่มีคุณภาพในภาคส่วนสำคัญ และส่งเสริมการสร้างงานที่มีรายได้สูง โดยอาศัยจุดแข็งและความร่วมมือระหว่างรัฐยะโฮร์และสิงคโปร์
ภายใต้นโยบายดังกล่าว บริษัทที่เข้ามาลงทุนในภาคการผลิตและบริการจะเสียภาษีเพียง 5% เป็นระยะเวลา 15 ปี โดยครอบคลุมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น ห่วงโซ่อุปทานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และควอนตัมคอมพิวติ้ง อุปกรณ์การแพทย์ และการผลิตอากาศยาน
นอกจากนี้ มาเลเซียยังจะกำหนดอัตราภาษีเงินได้พิเศษที่ 15% เป็นเวลา 10 ปี สำหรับแรงงานที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ในเขตเศรษฐกิจพิเศษแห่งนี้