คุนาล เดไซ ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอจากบริษัทจีไอบี แอสเสท แมเนจเมนท์ (GIB Asset Management) กล่าวว่า นักลงทุนที่มองหาบริษัทที่มีศักยภาพในการเป็น "บริษัทขนาดใหญ่และมั่นคงแห่งอนาคต" ควรมองไปที่บริษัทอินเดีย
เดไซกล่าวกับซีเอ็นบีซีว่า บรรดานักลงทุนกำลังประเมินความสามารถของอินเดียในการชิงความได้เปรียบจากสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้นระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งเขามองว่าตำแหน่งทางภูมิรัฐศาสตร์ของอินเดียนั้นเอื้อประโยชน์ในยุคทรัมป์ 2.0
โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในระดับสูงเมื่อเขาเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายกล่าวว่าการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนนั้นจะเป็นประโยชน์ต่ออินเดีย เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ จะพากันย้ายฐานการผลิตไปยังอินเดียเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
เดไซกล่าวถึงอินเดียว่า เป็น "หนึ่งในโอกาสการลงทุนที่น่าดึงดูด มีพื้นฐานรองรับการเติบโต และสามารถขยายตัวได้มากที่สุดในระดับโลก" โดยนอกจากปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์แล้ว เดไซยังระบุถึงเหตุผลอื่น ๆ ที่ควรลงทุนในอินเดีย ซึ่งรวมถึงอธิปไตยทางการเงินของประเทศ ผลตอบแทนการลงทุนในหุ้นที่ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท และการลงทุนของภาคเอกชนที่ปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ บรรดานักวิเคราะห์ยังได้กล่าวถึงนโยบาย "Make in India" ของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับบริษัทผู้ผลิตบางรายในอินเดีย
สำหรับเดไซแล้ว "หนึ่งในภาคส่วนที่น่าดึงดูดใจมากที่สุดคืออุตสาหกรรมสายเคเบิล สายไฟฟ้า และสายไฟ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาความเป็นเมืองและโครงการโครงสร้างพื้นฐานในอินเดีย" โดยเขากล่าวว่า ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้มองอินเดียเป็นเพียง "ตลาดหลัก" เท่านั้น แต่ยังมองหาโอกาสในการขยายตัวและเริ่มส่งออกด้วย
"และเมื่อพิจารณาถึงความยากลำบากที่บริษัทจีนกำลังเผชิญในแง่ของการส่งออกแล้ว บริษัทอินเดียจำนวนมากกำลังคว้าโอกาสในช่วงเวลาที่ลูกค้ามองหาลู่ทางที่จะได้แหล่งผลิตสองแห่งสำหรับห่วงโซ่อุปทานของพวกเขา" เดไซกล่าว