นักเศรษฐศาสตร์หลายรายคาดการณ์ว่า เหตุการณ์ไฟป่าในเมืองลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจของประเทศเล็กน้อยในระยะใกล้ แต่ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่งของแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าความเสียหายด้านทรัพย์สินและภาวะชะงักงันในตลาดแรงงานที่เกิดจากเหตุการณ์ไฟป่านั้น อาจจะผลักดันให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ในขณะเดียวกันก็จะชะลอการเติบโตของเศรษฐกิจและเป็นปัจจัยฉุดการจ้างงานเล็กน้อย แต่เมื่อพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจแล้ว ผลกระทบจากไฟป่าไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นที่จะทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป
เอเบียล ไรน์ฮาร์ต นักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกน (JPMorgan) กล่าวว่า ไฟป่าในแอลเอจะเป็นภัยพิบัติทางสภาพอากาศที่มีต้นทุนความเสียหายมากสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากทั้งขนาดของเปลวเพลิงและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยมูลค่าสูงที่ถูกทำลาย
ทั้งนี้ ไรน์ฮาร์ตประมาณการว่า ความเสียหายทางเศรษฐกิจจากไฟป่าในแอลเอมีมูลค่าราว 2.5 แสนล้านดอลลาร์ และสูงกว่าความเสียหายที่เกิดจากพายุเฮอริเคนแคทรีนา
"เราคิดว่าผลกระทบในระยะสั้นที่มีต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) การจ้างงาน และเงินเฟ้อ จะไม่มากนัก เทียบกับขนาดโดยรวมของ GDP ในปี 2566 ซึ่งอยู่ที่เกือบ 30 ล้านล้านดอลลาร์"
ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ว่า เหตุการณ์ไฟป่าจะทำให้การเติบโตของ GDP ในไตรมาส 1/2568 ลดลง 0.2% และจะส่งผลให้การเติบโตของตัวเลขจ้างงานในเดือนม.ค.ลดลงประมาณ 15,000 - 25,000 ตำแหน่ง ซึ่งตัวเลขดังกล่าวนับว่าค่อนข้างน้อยเมื่อพิจารณาจากการที่สหรัฐฯ มีตัวเลขจ้างงานเพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 256,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. เนื่องจากมีประชากรแคลิฟอร์เนียเพียง 0.5% เท่านั้นที่ได้รับคำสั่งให้อพยพ
ทางด้านนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) มีมุมมองคล้ายกัน โดยคาดการณ์ว่าไฟป่าจะส่งผลให้การจ้างงานในสหรัฐฯ ลดลงราว 20,000 - 40,000 ตำแหน่ง