สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (15 ม.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า แคนาดากำลังพิจารณามาตรการทางภาษีตอบโต้สหรัฐฯ ที่อาจครอบคลุมสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ มูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (1.05 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) หากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าและบริการจากแคนาดา
แหล่งข่าวระบุว่า แม้รัฐบาลแคนาดาได้จัดทำบัญชีรายชื่อสินค้าเป้าหมายไว้พร้อมแล้ว แต่จะต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะก่อนดำเนินการใด ๆ โดยขนาดและความรุนแรงของมาตรการตอบโต้จะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทรัมป์เป็นสำคัญ
หนังสือพิมพ์โทรอนโตสตาร์ (Toronto Star) นับเป็นสื่อแรกที่นำเสนอรายละเอียดของร่างมาตรการตอบโต้ดังกล่าว
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้ประชุมหารือกับผู้ว่าการรัฐทั้ง 10 รัฐ เพื่อกำหนดท่าทีต่อการขึ้นภาษีของสหรัฐฯ และร่วมพิจารณาบัญชีรายชื่อสินค้าเป้าหมาย
ทรัมป์แถลงว่าต้องการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 25% เพื่อกดดันให้แคนาดาเพิ่มมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นการอพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและการลักลอบค้ายาเสพติดกลุ่มเฟนทานิล (Fentanyl) อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวอาจเข้าข่ายละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศ
มาตรการภาษีของสหรัฐฯ จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจแคนาดา เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกหลักของแคนาดา โดยมีสัดส่วนถึง 75% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด
แหล่งข่าวเผยว่า มาตรการโต้กลับจะแบ่งเป็น 3 ระยะ โดยหากทรัมป์ทำตามที่ขู่ไว้ แคนาดาจะเริ่มขึ้นภาษีสินค้าเฉพาะเจาะจงบางรายการก่อน หนึ่งในนั้นคือน้ำส้มจากรัฐฟลอริดา ซึ่งเป็นที่พำนักของทรัมป์
"ไม่มีอะไรที่จะไม่ถูกนำมาพิจารณา หากสหรัฐฯ ยังยืนกรานที่จะใช้มาตรการภาษีที่เป็นการลงโทษเช่นนี้" ทรูโดกล่าวหลังการประชุมกับผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ
ทรูโดระบุว่า การตอบโต้จะต้องเด็ดขาดและจริงจัง แต่ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด เนื่องจากยังไม่ชัดว่าทรัมป์จะดำเนินการอย่างไร และย้ำว่าเขาสนับสนุนหลักการตอบโต้แบบ "ดอลลาร์ต่อดอลลาร์" (สหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับสินค้าแคนาดามูลค่าเท่าไร แคนาดาก็จะขึ้นภาษีกับสินค้าสหรัฐฯ ในมูลค่าเท่ากัน)
มาร์ก มิลเลอร์ รัฐมนตรีตรวจคนเข้าเมือง ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า ผู้อพยพและยาเสพติดที่เข้าสหรัฐฯ จากแคนาดานั้น มีปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับที่มาจากเม็กซิโก
แม้ทรูโดและผู้ว่าการรัฐต่าง ๆ จะยืนยันว่ารัฐบาลทั้งสองระดับนี้เป็นหนึ่งเดียวกัน แต่รัฐแอลเบอร์ตา แหล่งผลิตพลังงานสำคัญ กลับไม่ร่วมลงนามในแถลงการณ์ร่วมหลังจบการประชุม
แดเนียล สมิธ ผู้ว่าการรัฐแอลเบอร์ตา ซึ่งร่วมประชุมผ่านโทรศัพท์ คัดค้านแนวคิดที่จะจำกัดการส่งออกน้ำมัน ซึ่งเป็นหนึ่งในทางเลือกที่รัฐบาลกลางเสนอ และอาจทำให้ราคาน้ำมันในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้น
แถลงการณ์ร่วมฉบับสุดท้ายระบุว่า หากรัฐบาลกลางจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้ รัฐบาลจะจัดสรรเงินช่วยเหลือแรงงานและธุรกิจแคนาดาอย่างเร่งด่วน เพื่อชดเชยความเสียหายที่จะเกิดจากการขึ้นภาษีของทรัมป์
อนึ่ง ทรูโดประกาศเมื่อต้นเดือนนี้ว่าจะอำลาตำแหน่ง ภายหลังเกิดความขัดแย้งกับคริสเตีย ฟรีแลนด์ อดีตรัฐมนตรีคลัง ที่ลาออกเพื่อประท้วงนโยบายเพิ่มการใช้จ่าย โดยฟรีแลนด์มองว่าแคนาดาจำเป็นต้องรักษาเงินสำรองไว้รับมือผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ
ทรูโดแถลงต่อสื่อมวลชนว่า เขาจะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งในการเลือกตั้งครั้งหน้า ซึ่งจะต้องจัดขึ้นภายในวันที่ 20 ต.ค.นี้