ราคาโลหะพื้นฐานร่วงลงในวันนี้ (21 ม.ค.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่าเขาอาจจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในวันนี้ที่ 1 ก.พ.นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดโลหะ แม้ว่าทรัมป์ยังไม่ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในทันทีก็ตาม
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ราคาตะกั่วในตลาดโลหะลอนดอน (LME) ร่วงลงเกือบ 1% ขณะที่ราคาอลูมิเนียมปรับตัวลง 0.5% แตะที่ระดับ 2,677.50 ดอลลาร์/ตัน ณ เวลา 12.23 น.ตามเวลาเซี่ยงไฮ้ หลังจากที่ปิดตลาดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือนในวันจันทร์ (20 ม.ค.) และราคาสังกะสีปรับตัวลง 0.4%
ทรัมป์ประกาศในวันแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า เขาอาจจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาสูงถึง 25% ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ดีดตัวขึ้น และทำให้ราคาโลหะซึ่งกำหนดราคาเป็นดอลลาร์มีราคาแพงขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ ความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งด้านการค้าทั่วโลกจะเกิดขึ้นอีกครั้ง รวมทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน ได้ส่งผลกระทบต่อราคาโลหะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยราคาทองแดงร่วงลง 11% ในไตรมาส 4/2567 โดยแม้ว่าในเบื้องต้นนั้นทรัมป์ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินการกับจีนและช่วยให้ตลาดคลายความกังวลลงบ้าง แต่ความไม่ชัดเจนดังกล่าวก็ทำให้นักลงทุนพากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานาว่านโยบายของทรัมป์ที่มีต่อจีนจะออกมาเป็นเช่นไร
"การเก็บภาษีการค้ากับจีนยังคงเหมือนดาบที่แขวนอยู่เหนือศีรษะ แม้ว่าจะไม่มีการเก็บภาษีในวันแรกก็ตาม" เจีย เจิ้ง หัวหน้าฝ่ายเทรดดิ้งของบริษัท Shanghai Soochow Jiuying Investment Management กล่าว พร้อมกับเสริมว่า นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่จีนกำลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน และก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า