บริษัทซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ (Samsung Electronics) เปิดเผยในวันนี้ว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2567 เพิ่มขึ้นกว่า 20% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด แม้บริษัทเตือนว่าอุปสงค์ชิปหน่วยความจำ (memory chip) ทั่วโลกอาจชะลอตัวลงก็ตาม
สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า ซัมซุงระบุในรายงานที่ยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของเกาหลีใต้ว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 4 (ต.ค.-ธ.ค.) อยู่ที่ 7.75 ล้านล้านวอน (5.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 22.2% จากระดับ 6.34 ล้านล้านวอนในไตรมาส 4 ของปี 2566
ส่วนกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 129.9% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 6.49 ล้านล้านวอน และยอดขายเพิ่มขึ้น 11.8% สู่ระดับ 75.78 ล้านล้านวอน
กำไรสุทธิของซัมซุงอยู่ในระดับสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยการคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของยอนฮับ อินโฟแมกซ์ (Yonhap Infomax) ระบุว่า กำไรสุทธิจะอยู่ที่ 5.69 ล้านล้านวอน
อย่างไรก็ดี กำไรจากการดำเนินงานอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ประมาณ 15.7% เนื่องจากการชะลอตัวของยอดขายชิปหน่วยความจำแบบดั้งเดิมที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (PC) และอุปกรณ์ IT รวมทั้งยอดขายผลิตภัณฑ์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ต่ำกว่าคาด เช่นชิปหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM)
กำไรจากการดำเนินงานในธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นธุรกิจเรือธงของซัมซุงอยู่ที่ 2.9 ล้านล้านวอนในไตรมาส 4 จากยอดขาย 30.1 ล้านล้านวอน
ส่วนกำไรสุทธิตลอดปีงบการเงิน 2567 พุ่งขึ้น 122.5% เมื่อเทียบรายปี แตะที่ระดับ 34.45 ล้านล้านวอน และกำไรจากการดำเนินงานพุ่งขึ้นเกือบ 5 เท่า สู่ระดับ 32.72 ล้านล้านวอน จากระดับ 6.57 ล้านล้านวอนในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ ซัมซุงคาดการณ์ว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/2568 จะปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่อ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แต่แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทางบริษัทก็มีแผนที่จะปรับปรุงผลการดำเนินงานด้วยการเพิ่มยอดขายสมาร์ตโฟน AI