วิลเฟรด เดย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ของบริษัท เมอร์เคียวริตี ฟินเทค โฮลดิง (Mercurity Fintech Holding) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีด้านการเงินดิจิทัลในรัฐนิวยอร์ก คาดการณ์ว่า มีโอกาสน้อยมากที่บิตคอยน์จะเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรองแห่งชาติของสหรัฐฯ แม้ว่าอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีจะได้รับแรงหนุนจากการที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้กฎระเบียบที่เป็นมิตรต่ออุตสาหกรรมในภาคส่วนนี้มากขึ้นก็ตาม
เดย์กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ให้ข้อสรุปในเชิงลบเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อพิจารณาจากการที่ราคาบิตคอยน์มีความผันผวนสูงมาก รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับการฟอกเงิน และสภาพคล่องที่ไม่น่าดึงดูดใจ
ทั้งนี้ เดย์เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวเมื่อไม่นานมานี้ว่า หาก ECB ไม่ได้จัดให้บิตคอยน์เป็นสินทรัพย์ในทุนสำรอง ก็เป็นเรื่องยากมากที่สหรัฐฯ จะดำเนินการเช่นนั้นเพียงลำพัง
นอกจากนี้ เดย์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีการให้คำมั่นสัญญามากมายเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีในสหรัฐฯ และจะเป็นเรื่องที่ดีมากหากคำมั่นสัญญาเหล่านี้เป็นจริง 80% พร้อมกับกล่าวว่า ปัจจุบันปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซีคือการขาดความชัดเจนด้านกฎระเบียบ
ปธน.ทรัมป์ได้เสนอแนวคิดในการสร้างทุนสำรองบิตคอยน์ของสหรัฐฯ ในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งในปี 2567 และเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการสร้างคลังสินทรัพย์ดิจิทัลแห่งชาติ
ทางด้านคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า บิตคอยน์ไม่เข้าเกณฑ์ด้านสภาพคล่อง ความมั่นคง และความปลอดภัย
"ดิฉันมั่นใจว่าบิตคอยน์จะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในทุนสำรองของธนาคารกลางใด ๆ" ลาการ์ดกล่าวเพิ่มเติม