ธนาคารยูบีเอส (UBS) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยวันนี้ (4 ก.พ.) ว่ามีกำไรสุทธิ 770 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในไตรมาส 4/2567 สูงกว่าคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 483 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ธนาคารยังประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่าสูงสุด 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับปี 2568 ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์จากวอนโตเบล (Vontobel) คาดไว้ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์
ยูบีเอสระบุว่า มีแผนซื้อหุ้นคืน 1 พันล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 และอีกไม่เกิน 2 พันล้านดอลลาร์ในครึ่งปีหลัง พร้อมคงอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET1) ไว้ที่ประมาณ 14%
ธนาคารระบุเพิ่มเติมว่า แผนซื้อหุ้นคืนจะขึ้นอยู่กับ "การไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเร่งด่วนในระบบเงินกองทุนของสวิตเซอร์แลนด์"
ผลประกอบการไตรมาสนี้นับเป็นไตรมาสที่ 4 ติดต่อกันที่ยูบีเอสมีกำไร นับตั้งแต่เข้าซื้อกิจการเครดิต สวิส (Credit Suisse) ในปี 2566 โดยรายได้รวมเพิ่มขึ้น 7% แตะ 1.16 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดเล็กน้อยที่ 1.15 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์ใหม่สุทธิจากธุรกิจบริหารความมั่งคั่งทั่วโลกของยูบีเอสอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสนี้ ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์จากธนาคาร ซูร์คเคอร์ คันโตนาลแบงก์ (Zuercher Kantonalbank) ที่ 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์ สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูบีเอสกำลังรอความชัดเจนเกี่ยวกับการปฏิรูปกฎระเบียบภาคธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเข้มงวดขึ้นหลังการล่มสลายของเครดิต สวิส ซึ่งเกิดจากเหตุอื้อฉาวหลายครั้ง โดยมาตรการสำคัญของการปฏิรูปนี้คือ การกำหนดให้ยูบีเอสต้องถือครองเงินทุนเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันเหตุการณ์ซ้ำรอย แต่ขณะนี้ยังไม่มีการกำหนดตัวเลขที่ชัดเจน
ยูบีเอสมองว่า ข้อกำหนดเงินกองทุนปัจจุบันมีความเหมาะสมแล้ว และเตือนว่าหากรัฐบาลสวิสกำหนดเงื่อนไขที่เข้มงวดเกินไป อาจทำให้ภาคการเงินของประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
ด้านนักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อการควบรวมกิจการกับเครดิต สวิส โดยราคาหุ้นยูบีเอสปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 80% นับตั้งแต่การควบรวม
ทั้งนี้ เซอร์จิโอ เออร์มอตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของยูบีเอส กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า การโอนย้ายลูกค้าของเครดิต สวิส มายังระบบไอทีของยูบีเอสเป็นไปได้ด้วยดี แต่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามในช่วง 12 เดือนข้างหน้า