แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย เปิดเผยในวันนี้ (11 ก.พ.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ เห็นพ้องที่จะพิจารณายกเว้นการเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมจากออสเตรเลีย หลังทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างสร้างสรรค์ทางโทรศัพท์
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ (9 ก.พ.) ปธน.ทรัมป์ประกาศจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศ เพิ่มเติมจากอัตราภาษีที่เก็บอยู่เดิม แต่ยังไม่ได้ระบุวันที่จะมีผลบังคับใช้
"ผมได้เสนอกรณีของออสเตรเลียเพื่อขอการยกเว้น และเราได้ตกลงกันถึงถ้อยคำที่จะเปิดเผยต่อสาธารณะว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เห็นพ้องว่าข้อเสนอดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณา" อัลบาเนซีกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่า "แต่เราจะยังคงเจรจาอย่างสร้างสรรค์และชัดเจนต่อไป... การหารือกับปธน.ทรัมป์ครั้งนี้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเป็นกันเองมาก"
นอกจากนี้ อัลบาเนซีกล่าวว่า เขามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับปธน.ทรัมป์ได้ในที่สุด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การหารือครั้งนี้มีขึ้นเพียงหนึ่งวันหลัง ดอน ฟาร์เรลล์ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของออสเตรเลียระบุว่า การส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมจากออสเตรเลียไปยังสหรัฐฯ นั้น ช่วย "สร้างงานที่ให้ค่าตอบแทนดีแก่ชาวอเมริกัน" และมีความสำคัญต่อผลประโยชน์ด้านการป้องกันประเทศร่วมกัน
ฐานข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของสหประชาชาติ (UN Comtrade Database) ระบุว่า ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นพันธมิตรด้านความมั่นคงที่สำคัญของสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิก ส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้ามูลค่าประมาณ 237 ล้านดอลลาร์ไปยังสหรัฐฯ ในปี 2566 และส่งออกอะลูมิเนียมมูลค่า 275 ล้านดอลลาร์ในปี 2567
ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า ผู้ต่อเรือทหารรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ได้สั่งซื้อเหล็กที่ผลิตในออสเตรเลีย ขณะที่ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นพันธมิตรในข้อตกลง AUKUS พยายามหาแนวทางที่จะบูรณาการห่วงโซ่อุปทานด้านการป้องกันประเทศเข้าด้วยกัน