ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (13 ก.พ.) สวนทางกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) โดยข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีแนวโน้มลดลงในการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ข้อมูลเงินเฟ้อล่าสุดบ่งชี้ว่า เฟดอาจมีแนวโน้มน้อยลงที่จะกลับมาเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็ว ๆ นี้ และสร้างความกังวลว่าการปรับนโยบายการเงินครั้งต่อไปอาจจะเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า เขาวางแผนจะลงนามคำสั่งในสัปดาห์นี้เพื่อกำหนดอัตราภาษีศุลกากรตอบโต้กับประเทศอื่น ๆ
ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ผมอาจจะทำในภายหลังหรืออาจจะทำในเช้าวันพรุ่งนี้ แต่เราจะต้องลงนามในข้อตกลงเรื่องภาษีศุลกากรตอบโต้ ... ทั่วโลกเอาเปรียบสหรัฐฯ มาหลายปีแล้ว"
-- โยจิ มูตะ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของญี่ปุ่นเปิดเผยเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า รัฐบาลญี่ปุ่นได้ร้องขอให้สหรัฐฯ ยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากญี่ปุ่นในอัตรา 25% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศใช้มาตรการดังกล่าวกับทุกประเทศโดยไม่มีข้อยกเว้น
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า มูตะได้กล่าวในระหว่างการแถลงข่าวกับสื่อมวลชนว่า "เราจะใช้มาตรการที่จำเป็น และในขณะเดียวกันเราก็จะจับตาผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับบริษัทญี่ปุ่น" ทางด้านโยชิมาสะ ฮายาชิ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าวว่า รัฐบาลได้ยื่นคำร้องขอการยกเว้นภาษีดังกล่าว ผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในสหรัฐฯ
-- หุ้นเทสลา (Tesla) ร่วงลงกว่า 6% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กในวันอังคาร (11 ก.พ.) และปรับตัวลงอีกเกือบ 1% ในช่วงเช้าวานนี้ (12 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าบริษัทเทสลาของอีลอน มัสก์ จะล้าหลังคู่แข่งอย่างบีวายดี (BYD) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสัญชาติจีน หลังจากบีวายดีประกาศแผนพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไร้คนขับร่วมกับดีปซีค (DeepSeek) และระบุว่าจะติดตั้งระบบช่วยขับขี่อัจฉริยะในรถรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด
นอกจากนี้ หุ้นเทสลายังได้รับผลกระทบจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวที่อีลอน มัสก์ เริ่มหันไปให้ความสนใจในด้านอื่นนอกเหนือจากมุ่งเน้นการพัฒนารถเทสลา โดยรายงานระบุว่า กลุ่มนักลงทุนซึ่งนำโดยอีลอน มัสก์ เสนอเงินมูลค่า 9.74 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อซื้อกิจการโอเพนเอไอ (OpenAI) ขณะเดียวกันเขาเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในคณะบริการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในฐานะผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE)
-- สำนักงานความปลอดภัยการจราจรทางหลวงแห่งชาติ (NHTSA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) กำลังเรียกคืนรถกระบะทาโคมา (Tacoma) ในสหรัฐฯ จำนวน 106,061 คัน เนื่องจากกังวลว่าการรั่วไหลของน้ำมันเบรก (brake fluid) อาจจะส่งผลให้ประสิทธิภาพการเบรกลดลง และเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ
การเรียกรถยนต์ครั้งนี้มีผลกับรถกระบะ Tacoma ขับเคลื่อนสี่ล้อบางรุ่นที่ผลิตในปี 2567-2568
-- หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของเอสโตเนียระบุในรายงานความมั่นคงแห่งชาติประจำปีที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า จีนกำลังช่วยเหลือรัสเซียในการผลิตโดรนทางทหาร ด้วยการลักลอบส่งชิ้นส่วนสำคัญจากโลกตะวันตกให้กับกองกำลังติดอาวุธของรัสเซีย
รายงานของเอสโตเนียระบุว่า ปัจจุบัน ชิ้นส่วนสำคัญราว 80% ที่ส่งถึงรัสเซียนั้นมาจากจีน ซึ่งสอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ของยูเครนที่ระบุว่า ชิ้นส่วนจากต่างประเทศราว 60% ที่พบในอาวุธของรัสเซียในสมรภูมิรบยูเครนนั้นมาจากจีน
-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (12 ก.พ.) ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวสูงขึ้นเกินคาดในเดือนม.ค.
ดัชนี CPI ทั่วไป (Headline CPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.9% และเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือนธ.ค.
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยในวันนี้ (13 ก.พ.) ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.เยอรมนีเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค.อังกฤษเปิดเผยดุลการค้าเดือนธ.ค. และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2567 (ประมาณการเบื้องต้น) และสหรัฐฯ เปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค.