ดอน ฟาร์เรล รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของออสเตรเลียเปิดเผยในวันนี้ (13 ก.พ.) ว่า ออสเตรเลียได้เพิ่มการส่งออกอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ โดยได้รับการอนุมัติจากทางการสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการขจัดอุปสรรคที่มีต่อคำร้องของออสเตรเลียในการขอยกเว้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในสัปดาห์นี้ว่า เขาจะพิจารณายกเว้นออสเตรเลียจากภาษีนำเข้าเหล็กกล้าและอะลูมิเนียม 25% ก่อนที่หนึ่งในที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์จะออกมาระบุว่า ออสเตรเลียกำลังทำลายตลาดอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ
คำสั่งฝ่ายบริหารที่กำหนดภาษีนำเข้าระบุว่า ปริมาณอะลูมิเนียมจากออสเตรเลียเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจากทรัมป์ในปี 2561 โดยออสเตรเลียไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทางวาจาที่จะจำกัดปริมาณการส่งออก
อย่างไรก็ตาม ฟาร์เรลกล่าวว่า ออสเตรเลียได้เพิ่มการส่งออกอะลูมิเนียมโดยได้รับการรับรองจากรัฐบาลชุดก่อนของประธานาธิบดี โจ ไบเดน เพื่อชดเชยปัญหาการขาดแคลนอุปทานจากรัสเซียซึ่งเกิดจากสงครามในยูเครน
ฟาร์เรลกล่าวในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวเอบีซี (ABC) ว่า "ทุกอย่างที่เราทำได้รับการรับรู้และเห็นชอบจากรัฐบาลสหรัฐฯ เราไม่เคยทำสิ่งใดที่รัฐบาลอเมริกันไม่พอใจ"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบาเนซีกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในเดือนพ.ค. และเพิ่งเปิดเผยแผนงานมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (1.26 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อสนับสนุนให้โรงหลอมอะลูมิเนียมเปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรักษาตำแหน่งงานโดยตรงและโดยอ้อมไว้มากถึง 75,000 ตำแหน่ง
ทั้งนี้ ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก ครองสัดส่วน 1% ของการนำเข้าเหล็กกล้า และ 2% ของการนำเข้าอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ