โฆษกสำนักงานบริหารงานบุคคล (OPM) ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพุธ (12 ก.พ.) ว่า พนักงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ประมาณ 75,000 คนได้ตกลงเข้าร่วมโครงการลาออกแบบสมัครใจ (buyout program) ที่เสนอโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โครงการลาออกโดยสมัครใจนี้เป็นหนึ่งในหลายมาตรการที่ทรัมป์ใช้เพื่อลดจำนวนข้าราชการพลเรือนของรัฐบาลซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2.3 ล้านคน โดยทรัมป์มองว่าไม่มีประสิทธิภาพ และมีอคติต่อตัวเขา
ทรัมป์ยังสั่งให้หน่วยงานรัฐบาลเตรียมแผนปลดพนักงานเป็นวงกว้าง โดยหลายหน่วยงานได้เริ่มปลดพนักงานใหม่ที่ยังไม่มีสิทธิ์ได้รับความคุ้มครองในการจ้างงาน
แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งให้เตรียมลดจำนวนพนักงานลงถึง 70% ในบางหน่วยงาน
บรรดาสหภาพแรงงานได้เรียกร้องสมาชิกไม่ให้เข้าร่วมโครงการลาออกแบบสมัครใจ และเตือนว่าทรัมป์อาจไม่ทำตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้
ทั้งนี้ ข้อเสนอของรัฐบาลนั้นสัญญาจะให้เงินเดือนและสวัสดิการกับพนักงานต่อไปจนถึงเดือนต.ค. โดยไม่ต้องทำงาน แต่ข้อตกลงนี้อาจไม่มีความแน่นอน เนื่องจากกฎหมายงบประมาณปัจจุบันจะหมดอายุในวันที่ 14 มี.ค. และไม่มีการรับประกันว่า งบประมาณจะครอบคลุมถึงเงินเดือนของพนักงานหลังจากนั้น
ทรัมป์ได้มอบหมายให้ อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน เป็นหัวหน้ากระทรวงใหม่ที่เรียกว่ากระทรวงประสิทธิภาพการทำงานของรัฐบาล ซึ่งกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อมูลเงินเดือนและบุคลากรเพื่อหาทางลดงบประมาณของรัฐบาลลง 1 ล้านล้านดอลลาร์ จากงบประมาณรวม 6.75 ล้านล้านดอลลาร์ของปีที่แล้ว โดยเงินเดือนของข้าราชการพลเรือนคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 5% ของงบทั้งหมด