บีเอชพี (BHP) ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยในวันนี้ (18 ก.พ.) ว่า การที่เศรษฐกิจจีนส่งสัญญาณฟื้นตัวและธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์เหล็กและทองแดง อย่างไรก็ดี บีเอชพีมองว่าสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลกอาจจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากบีเอชพีเปิดเผยว่า กำไรในช่วง 6 เดือนซึ่งสิ้นสุดเดือนธ.ค. 2567 อยู่ที่ระดับ 5.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 23% เมื่อเทียบรายปี แต่ตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.01 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ราคาหุ้นบีเอชพีขยับลง 0.3% เช่นเดียวกับหุ้นของบริษัทเหมืองรายใหญ่รายอื่น ๆ ที่ปรับตัวลงเช่นกัน
นอกจากนี้ บีเอชพีได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ระดับ 50 เซนต์ต่อหุ้น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2560 และลดลงจากระดับ 72 เซนต์ในปีที่แล้ว แต่ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
บีเอชพีเตือนว่า ผลผลิตแร่เหล็กตลอดทั้งปีจากออสเตรเลียตะวันตกอาจจะไม่เป็นไปตามที่บริษัทคาดการณ์ไว้ที่ระดับ 282-294 ล้านเมตริกตัน หลังจากพายุไซโคลนหลายลูกได้พัดถล่มชายฝั่งตะวันตกของออสเตรเลียและทำให้การขนส่งแร่เหล็กหยุดชะงัก
อย่างไรก็ดี บีเอชพีคาดการณ์ว่า การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกอาจเป็นปัจจัยหนุนความต้องการผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ได้แก่ แร่เหล็ก ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตเหล็ก และทองแดง ซึ่งปัจจุบันสร้างกำไรให้บริษัทมากเกือบครึ่งหนึ่ง
"การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางคาดว่าจะนำไปสู่การฟื้นตัวของความต้องการเหล็กและทองแดงในประเทศกลุ่มองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ในระยะใกล้นี้" บีเอชพีระบุ
"อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นนั้น ก็อาจเป็นความเสี่ยงต่อการฟื้นตัวในประเทศพัฒนาแล้วและทั่วโลก" บีเอชพีระบุเพิ่มเติม