กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยในวันจันทร์ (24 ก.พ.) ว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน โดยมาตรการดังกล่าวมีผลกระทบต่อกลุ่มนายหน้าค้าน้ำมัน ผู้ประกอบการเรือบรรทุกน้ำมัน และบริษัทขนส่งมากกว่า 30 แห่งที่ทำการจำหน่ายและขนส่งปิโตรเลียมของอิหร่าน
คำประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ พยายามที่จะควบคุมการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านให้ลดลงเหลือศูนย์ เพื่อป้องกันไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ การประกาศล่าสุดยังเป็นการต่อยอดจากมาตรการคว่ำบาตรที่ได้บังคับใช้ในยุคของรัฐบาลโจ ไบเดน ด้วยเช่นกัน "อิหร่านยังคงพึ่งพากองเรือ ผู้ขนส่ง และกลุ่มนายหน้า เพื่ออำนวยความสะดวกในการขายน้ำมันและเป็นทุนสำหรับการทำกิจกรรมที่บั่นทอนความมั่นคง สหรัฐฯ จะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่มีเพื่อมุ่งเป้าไปที่ห่วงโซ่อุปทานน้ำมันทุกด้านของอิหร่าน และทุกคนที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันอิหร่านจะเผชิญกับความเสี่ยงจากการถูกคว่ำบาตรอย่างมีนัยสำคัญ" สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ระบุในแถลงการณ์
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่นี้มุ่งเป้าไปที่นายหน้าค้าน้ำมันในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) และฮ่องกง รวมทั้งผู้ประกอบการและผู้จัดการเรือบรรทุกน้ำมันในอินเดียและจีน และผู้บริหารบริษัทน้ำมันแห่งชาติอิหร่าน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า น้ำมันเป็นแหล่งรายได้หลักของอิหร่าน และมาตรการคว่ำบาตรที่มุ่งเป้าไปที่การส่งออกของอิหร่านนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อตัดท่อน้ำเลี้ยงของรัฐบาลอิหร่านที่ใช้ในโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ
ทั้งนี้ ข่าวสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรอิหร่านรอบใหม่เป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในวันจันทร์ โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 30 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 70.70 ดอลลาร์/บาร์เรล และสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.47% ปิดที่ 74.78 ดอลลาร์/บาร์เรล