สื่อของทางการจีนรายงานในวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า ที่ปรึกษาทางการเมืองระดับชาติของจีนรายหนึ่งได้เสนอให้ลดอายุขั้นต่ำในการแต่งงานของประชาชนลงเหลือ 18 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตรท่ามกลางปัญหาจำนวนประชากรที่ลดลง และเพื่อเพิ่มศักยภาพในการสืบพันธุ์
เฉิน ซ่งซี สมาชิกคณะกรรมการแห่งชาติของสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ให้สัมภาษณ์กับโกลบอลไทมส์ (Global Times) ว่า เขามีแผนยื่นข้อเสนอให้ผ่อนปรนข้อจำกัดเกี่ยวกับการมีบุตรในจีนอย่างสมบูรณ์ รวมถึงสร้างระบบจูงใจสำหรับการแต่งงานและการมีบุตร
ข้อเสนอนี้มีขึ้นก่อนการประชุมสภาประจำปีของจีนในสัปดาห์หน้า ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่จะประกาศมาตรการต่าง ๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากปัญหาประชากรลดลง
ปัจจุบัน จีนกำหนดอายุขั้นต่ำในการแต่งงานไว้ที่ 22 ปีสำหรับผู้ชาย และ 20 ปีสำหรับผู้หญิง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่กำหนดอายุแต่งงานไว้สูงที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่ที่กำหนดอายุแต่งงานไว้ที่ 18 ปี
เฉินกล่าวว่า จีนควรลดอายุแต่งงานตามกฎหมายลงเหลือ 18 ปี เพื่อเพิ่มจำนวนประชากรที่สามารถมีบุตรและเพิ่มศักยภาพในการสืบพันธุ์ และเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ประชากรจีนลดลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในปี 2567 ขณะที่จำนวนการแต่งงานลดลงถึง 20% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าทางการจีนพยายามสนับสนุนให้คู่รักแต่งงานและมีบุตรก็ตาม
ทั้งนี้ ปัญหาประชากรที่ลดลงในจีนนั้นส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายลูกคนเดียวซึ่งบังคับใช้ระหว่างปี 2523-2558 แม้ว่านับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา จีนได้อนุญาตให้คู่รักมีบุตรได้ถึง 3 คนแล้วก็ตาม
เฉินยังเสนอให้จีนยกเลิกข้อจำกัดจำนวนบุตรของแต่ละครอบครัว เพื่อรองรับความต้องการเร่งด่วนของการพัฒนาประชากรในยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม คนจีนจำนวนมากขึ้นเลือกที่จะไม่มีลูก เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรอยู่ในระดับสูง หรือเพราะไม่ต้องการแต่งงานหรือหยุดพักงานเพื่อสร้างครอบครัว
ทางการจีนได้พยายามออกมาตรการและสร้างแรงจูงใจเพื่อกระตุ้นการมีบุตร เช่น ขยายวันลาคลอด มอบสิทธิประโยชน์ทางการเงินและภาษีสำหรับผู้มีบุตร รวมถึงให้เงินสนับสนุนด้านที่อยู่อาศัย
อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยจีนแห่งหนึ่งเปิดเผยเมื่อปีที่แล้วว่า จีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่มีค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูบุตรสูงที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติต่อหัว ขณะที่ผู้หญิงต้องเสียเวลาและโอกาสเมื่อมีบุตร