สตาร์บัคส์ (Starbucks) เครือร้านกาแฟชื่อดังระดับโลกประกาศเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ว่า จะปลดพนักงานออฟฟิศจำนวน 1,100 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนการพลิกฟื้นธุรกิจของไบรอัน นิคโคล ซีอีโอของบริษัท หลังจากสตาร์บัคส์ประสบปัญหายอดขายตกต่ำอย่างต่อเนื่อง
ในจดหมายถึงพนักงาน นิคโคลระบุว่า "เรากำลังปรับโครงสร้างให้เรียบง่ายขึ้น ลดขั้นตอนและความซ้ำซ้อน และสร้างทีมขนาดเล็กลงที่คล่องตัวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพิ่มความรับผิดชอบ ลดความซับซ้อน และส่งเสริมการทำงานร่วมกันที่ดีขึ้น"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นิคโคลได้รับการแต่งตั้งให้เป็นซีอีโอคนใหม่เมื่อปีที่แล้ว ในช่วงเวลาที่สตาร์บัคส์กำลังเผชิญวิกฤตทางธุรกิจ โดยราคาหุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 40% จากระดับสูงสุดในปี 2564 อันเนื่องมาจากความต้องการที่ลดลงทั้งในตลาดสหรัฐฯ และจีน
ก่อนมาดำรงตำแหน่งที่สตาร์บัคส์ นิคโคลมีชื่อเสียงจากความสำเร็จในการพลิกฟื้นธุรกิจเครือร้านอาหารเม็กซิกันชิโปตเล (Chipotle) ให้กลับมาเติบโตอีกครั้ง เขาได้นำแผนการที่เรียกว่า "Back to Starbucks" มาใช้ โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงประสิทธิภาพธุรกิจผ่านการปรับลดตำแหน่งงานและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าในร้านสาขาทั่วสหรัฐฯ
ทั้งนี้ นิคโคลยืนยันว่า การปรับโครงสร้างครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานที่ทำงานในร้านสาขา และบริษัทยังคงจ้างงานในตำแหน่งสำคัญที่สอดคล้องกับโครงสร้างใหม่ รวมถึงยังคงลงทุนในการพัฒนาเวลาทำการของร้านต่อไป
ปัจจุบัน สตาร์บัคส์มีพนักงานทั้งสิ้นประมาณ 361,000 คนทั่วโลก แบ่งเป็นในสหรัฐฯ 211,000 คน และอีก 150,000 คนในประเทศอื่น ๆ ตามรายงานปี 2567
จิม แซนเดอร์สัน นักวิเคราะห์จากบริษัท NorthCoast Research ให้ความเห็นว่า การปลดพนักงานครั้งนี้มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ล่าสุดในปี 2561 ที่มีการปลดพนักงานเพียง 350 ตำแหน่งเท่านั้น