ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เตรียมเข้าสู่การประชุมการเมืองที่สำคัญที่สุดของจีนในรอบปีในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจจีนที่เริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัว แต่การขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะเป็นบททดสอบความสามารถของจีนในการรักษาแรงขับเคลื่อนดังกล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ความก้าวหน้าในด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และท่าทีของปธน.สีที่หันมาสนับสนุนผู้ประกอบการเอกชน เช่น แจ็ค หม่า จากอาลีบาบา (Alibaba) ช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นจีนพุ่งสูงขึ้นก่อนการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ แต่ความเชื่อมั่นเริ่มสั่นคลอนจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้า 10% ล่าสุดของปธน.ทรัมป์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้เพียงหนึ่งวันก่อนที่หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน จะเปิดเผยแผนเศรษฐกิจของจีนสำหรับปีนี้
ผู้แทนนับพันคน รวมถึงรัฐมนตรีและผู้นำระดับมณฑล จะมารวมตัวกันในวันพุธ (5 มี.ค.) ณ กรุงปักกิ่งสำหรับการประชุมรัฐสภา ซึ่งคาดกันว่าเจ้าหน้าที่จะกำหนดเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% ตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์
เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว คาดว่าผู้กำหนดนโยบายจะผลักดันเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณของจีนให้สูงสุดในรอบกว่า 30 ปี โดยอัดฉีดเงินหลายล้านล้านหยวนเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญภาวะเงินฝืด วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ และสงครามการค้ากับสหรัฐฯ
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ในโพลยังคาดการณ์ว่า จีนจะปรับเพิ่มเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณของปีนี้แตะระดับประมาณ 4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) จากระดับ 3% ในปี 2567 ตัวเลขขาดดุลที่เพิ่มขึ้นจะอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านหยวน
ทั้งนี้ ตัวเลขนี้น่าจะเพียงพอให้ GDP เติบโตประมาณ 5% ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ประเมินว่าต้องเพิ่มการขาดดุลในวงกว้างประมาณ 3-4 ล้านล้านหยวน