กระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศในวันนี้ (4 มี.ค.) ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ บางรายการเพิ่มอีก 15% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. พร้อมกับควบคุมการส่งออกสินค้าไปยังบริษัทสหรัฐฯ จำนวน 15 แห่ง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า มาตรการตอบโต้ดังกล่าวของจีนมีขึ้นไม่นานหลังจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากจีนมีผลบังคับใช้
เว็บไซต์ของกระทรวงการคลังจีนระบุว่า ภาษีศุลกากรที่จีนเรียกเก็บเพิ่มเติมจากสหรัฐฯ นั้น ส่วนใหญ่ครอบคลุมสินค้าเกษตร ซึ่งรวมถึงข้าวโพดและถั่วเหลือง ส่วนบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการที่จีนควบคุมการส่งออกนั้น รวมถึงบริษัทไลโดส แอนด์ เจเนอรัล ไดนามิกส์ แลนด์ ซิสเต็มส์ (Leidos and General Dynamics Land Systems)
ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ช่วงเช้าวันนี้ กระทรวงพาณิชย์จีนระบุว่า จีน "ไม่ยอมรับอย่างเด็ดขาด" ต่อการที่สหรัฐฯ เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มเติม และจีนจะใช้มาตรการตอบโต้
กระทรวงพาณิชย์จีนยังระบุด้วยว่า ภาษีศุลกากรจะ "ส่งผลกระทบ" ต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และทางการจีนเรียกร้องให้สหรัฐฯ ถอนมาตรการดังกล่าว
หลังจากที่สหรัฐฯ ใช้มาตรการภาษีศุลกากรรอบแรกกับจีนในเดือนก.พ. จีนได้ออกมาตรการตอบโต้ในด้านต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงการปรับขึ้นภาษีนำเข้าพลังงานจากสหรัฐฯ และขึ้นบัญชีบริษัทสหรัฐฯ 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาจจำกัดความสามารถของบริษัทเหล่านี้ในการทำธุรกิจในประเทศจีน
ทางด้านทำเนียบขาวยืนยันว่า การเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มอีก 10% จะมีผลบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน
ข้อมูลจากอลิอันซ์ รีเสิร์ช ระบุว่า การส่งออกสินค้าเกษตร เช่น ถั่วเหลือง คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุดในบรรดาสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ ไปจีน โดยมีสัดส่วนสูงถึง 1.2% หรือคิดเป็นมูลค่า 2.23 หมื่นล้านดอลลาร์ในปี 2566
ส่วนการส่งออกน้ำมันและก๊าซมีสัดส่วนมากเป็นอันดับสอง โดยอยู่ที่ 1% คิดเป็นมูลค่า 1.93 หมื่นล้านดอลลาร์ และการส่งออกยามีสัดส่วนมากเป็นอันดับสาม โดยอยู่ที่ 0.8% คิดเป็นมูลค่า 1.56 หมื่นล้านดอลลาร์