บริษัทต่าง ๆ ของญี่ปุ่นต่างกำลังกักตุนสินค้าในสหรัฐฯ เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจเรียกเก็บหลังจากที่ดำเนินการกับจีน แคนาดา และเม็กซิโกไปแล้ว
บริษัท โซนี่ กรุ๊ป (Sony Group) เปิดเผยในการสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า กำลังเร่งตุนสินค้าคงคลังในสหรัฐฯ ขณะที่คาวาซากิ เฮฟวี่ อินดัสทรีส์ (Kawasaki Heavy Industries) กำลังเร่งส่งออก และซันโทรี โฮลดิงส์ (Suntory Holdings) กำลังจัดส่งสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า โดยรวมแล้ว การส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ เร่งตัวขึ้น 8.1% ในเดือนม.ค. สู่ระดับ 1.5 ล้านล้านเยน (1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) มากที่สุดเมื่อเทียบกับเดือนม.ค.ของปีอื่น ๆ ในรอบอย่างน้อย 19 ปี ขณะที่สหรัฐฯ เบียดแซงจีนขึ้นแท่นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ ทรัมป์ขู่จะดำเนินมาตรการภาษีตอบโต้กับคู่ค้าของสหรัฐฯ เกือบทุกราย ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นมีโอกาสตกเป็นเป้าด้วย
คาซูมะ มาเอดะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิจิ ไลฟ์ (Dai-ichi Life) กล่าวว่า "เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์จะจริงจังแค่ไหน ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้วที่บริษัทต่าง ๆ จะเร่งส่งออกขณะที่เฝ้าจับตามาตรการ ... อย่างไรก็ตาม หากภาษีศุลกากรยังคงดำเนินไปเป็นเวลา 6 เดือนหรือเกินปี มันจะกลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการและบริษัทต่าง ๆ จะพิจารณาปรับขึ้นราคาหรือย้ายฐานการผลิต"
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ของญี่ปุ่นมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาษีศุลกากรเป็นพิเศษ เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดสำหรับบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ (Toyota Motor) ฮอนด้า มอเตอร์ (Honda Motor) และนิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) โดยรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของการส่งออกทั้งหมดของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ
ภาคอุตสาหกรรมกำลังกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นให้รีบดำเนินการเพื่อป้องกันการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม โดยเมื่อเดือนที่แล้ว มาซาโนริ คาตายามะ ประธานสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางการค้าในการประชุมกับกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลพยายามทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้น