สมาคมกลุ่มประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) คาดการณ์ว่า การผลิตยางธรรมชาติทั่วโลกจะต่ำกว่าความต้องการบริโภคเป็นปีที่ห้าติดต่อกันในปี 2568 แม้ราคายางจะปรับตัวสูงขึ้นก็ตาม
"ความต้องการเติบโตอย่างต่อเนื่องในประเทศต่าง ๆ เช่น จีน อินเดีย และไทย แต่การผลิตกำลังตามหลัง เนื่องจากราคาตกต่ำที่เพิ่งจะมาปรับตัวขึ้นเมื่อปีที่แล้ว" เล็กษมี นาอีร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ ANRPC กล่าวกับรอยเตอร์ในวันพุธ (5 มี.ค.)
ปริมาณการผลิตที่ขาดแคลนนี้มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนราคายางทั่วโลก ซึ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีเมื่อช่วงปลายปี 2567 และส่งผลให้ต้นทุนการผลิตของบริษัทผลิตยางรถยนต์เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ตามข้อมูลของ ANRPC คาดว่าการผลิตทั่วโลกจะเพิ่มขึ้น 0.3% เป็น 14.9 ล้านเมตริกตันในปี 2568 ในขณะที่คาดว่าความต้องการจะเติบโตในอัตราที่เร็วกว่ามากที่ 1.8% เป็น 15.6 ล้านตัน
หลังจากตามหลังพืชผลทางการเกษตรอื่น ๆ เช่น ปาล์มน้ำมัน กาแฟ และโกโก้มานานกว่า 10 ปี ราคายางได้พุ่งสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนส่งผลกระทบต่อการผลิตยางในประเทศต่าง ๆ ของเอเชีย
นาอีร์กล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนยางในปัจจุบันเกิดจากราคาตกต่ำในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้เกษตรกรปลูกยางทดแทนยางเก่า (Replanting) น้อยลง การปลูกยางใหม่ชะลอตัวลงอย่างมาก และเกษตรกรชาวสวนยางหันไปปลูกพืชที่ให้ผลกำไรมากกว่า
เธอยกกรณีของอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันปาล์มรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่อันดับสอง โดยอินโดนีเซียกำลังประสบปัญหาการผลิตยางลดลง ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากเกษตรกรหันไปปลูกปาล์มน้ำมันซึ่งทำกำไรมากกว่า
ทั้งนี้ คาดว่าการผลิตยางของอินโดนีเซียในปี 2568 จะลดลง 9.8% จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 2.04 ล้านตัน ในขณะที่เวียดนามซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่อันดับสาม อาจผลิตยางลดลง 1.3% เหลือ 1.28 ล้านตัน ตามการประมาณการของ ANRPC