เรียวเซ อากาซาวะ รัฐมนตรีเศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวในวันนี้ (7 มี.ค.) ว่า ญี่ปุ่นผ่านเกณฑ์สำคัญที่ทำให้รัฐบาลสามารถประกาศยุติภาวะเงินฝืดได้อย่างเป็นทางการ
ความเห็นดังกล่าวสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของรัฐบาลที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ ซึ่งอาจส่งผลต่อช่วงเวลาที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ขณะที่เงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมายที่ระดับ 2% ของ BOJ มานานเกือบ 3 ปี แต่รัฐบาลยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการสิ้นสุดลงของภาวะเงินฝืด โดยรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่าภาวะเงินฝืดหมายถึงช่วงเวลาที่เศรษฐกิจชะงักงันเป็นเวลานาน และค่าจ้างที่เติบโตช้าทำให้การบริโภคซบเซา
"ตัวชี้วัดสำคัญทั้ง 4 ตัวที่เราใช้ตัดสินว่าญี่ปุ่นพ้นจากภาวะเงินฝืดแล้วนั้น ต่างก็แสดงผลเป็นบวก" อากาซาวะกล่าวในการแถลงข่าว พร้อมบ่งชี้ถึงข้อมูลล่าสุดที่ระบุว่า ช่องว่างผลผลิต (output gap) ของญี่ปุ่นเป็นบวกในไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว โดย Output Gap คือส่วนต่างระหว่างกำลังการผลิตที่เกิดขึ้นจริง ณ ปัจจุบัน กับประสิทธิภาพที่สามารถผลิตได้จริง
"เราหวังว่า BOJ จะสื่อสารกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด และยังคงดำเนินนโยบายอย่างเหมาะสมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน" เขากล่าว
ข้อมูลประมาณการของรัฐบาลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (4 มี.ค.) ระบุว่า output gap ของญี่ปุ่นในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค. พลิกกลับมาเป็นบวกเป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ซึ่งหมายความว่าผลผลิตที่แท้จริงของประเทศสูงกว่าศักยภาพทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอุปสงค์แข็งแกร่ง
ตัวชี้วัดอีก 3 ตัวที่รัฐบาลใช้พิจารณาการสิ้นสุดภาวะเงินฝืด ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI), ดัชนีราคาผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP deflator) และต้นทุนแรงงานต่อหน่วย (unit labour costs)
BOJ ได้ยุติการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่ดำเนินมายาวนานเมื่อปีที่แล้ว และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 0.5% ในเดือนม.ค. เนื่องจากมองว่าญี่ปุ่นกำลังเข้าใกล้เป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงระมัดระวังในการประกาศยุติภาวะเงินฝืด เนื่องจากอาจทำให้มีข้ออ้างน้อยลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์บางรายมองว่า หากรัฐบาลญี่ปุ่นประกาศสิ้นสุดภาวะเงินฝืด อาจช่วยสร้างคะแนนนิยมทางการเมืองก่อนการเลือกตั้งวุฒิสภาในเดือนก.ค.ปีนี้