สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มี.ค.) ว่า มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีเป้าหมายเพื่อปิดอุตสาหกรรมน้ำมันและทำลายเศรษฐกิจของอิหร่านที่จวนเจียนจะพังทลายอยู่แล้ว
สหรัฐฯ กำลังรุกใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านเพื่อให้เกิด "ผลกระทบสูงสุดทันที" เบสเซนต์กล่าวในงานของสมาคมเศรษฐกิจแห่งนิวยอร์ก (Economic Club of New York) พร้อมระบุว่า เป้าหมายของปธน.ทรัมป์ คือการลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านจาก 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันให้เหลือเพียงเล็กน้อย
"เราจะเดินหน้าปิดอุตสาหกรรมน้ำมันของอิหร่าน รวมถึงขีดความสามารถในการผลิตโดรน" เบสเซนต์กล่าว และเสริมว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ตั้งใจจะตัดการเข้าถึงระบบการเงินระหว่างประเทศของอิหร่านด้วย
หลังจากถ้อยแถลงของเบสเซนต์ ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ขยับขึ้น 5 เซนต์ ปิดที่ 66.37 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับขึ้น 16 เซนต์ ปิดที่ 69.46 ดอลลาร์/บาร์เรล
"การทำให้อิหร่านประสบปัญหาทางการเงินอีกครั้งจะเป็นจุดเริ่มต้นของนโยบายคว่ำบาตรฉบับปรับปรุงของเรา" เบสเซนต์กล่าวย้ำ และเตือนว่า "ถ้าผมเป็นชาวอิหร่าน ผมจะรีบถอนเงินทั้งหมดออกจากสกุลเงินเรียลในตอนนี้"
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้กลับมาใช้มาตรการกดดันอิหร่านอีกครั้งผ่านบันทึกคำสั่งประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 4 ก.พ. และเพียงสองวันถัดมา กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เริ่มดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อเครือข่ายขนส่งน้ำมันของอิหร่านที่ส่งออกไปยังจีน