นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวบลูมเบิร์กได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจสิงคโปร์และฮ่องกงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน
ผลสำรวจบ่งชี้ว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสิงคโปร์มีแนวโน้มชะลอตัวลงสู่ระดับ 1.3% ในไตรมาส 3 และ 1.6% ในไตรมาส 4 ซึ่งสวนทางกับในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ที่นักวิเคราะห์ประมาณการว่าจะขยายตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% และ 3.9% ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากการสำรวจในเดือนธ.ค.ที่ระดับ 3.5% ทั้งในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 ส่วนตลอดปี 2568 นั้น นักวิเคราะห์ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัวที่ระดับ 2.6% แม้เตือนว่าเศรษฐกิจมีความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ก็ตาม
"แนวโน้มเศรษฐกิจตลอดปีของสิงคโปร์มีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอันเนื่องมาจากภาษีศุลกากรที่ปรับตัวสูงขึ้นและความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าภายใต้รัฐบาลทรัมป์ 2.0" หาน เต็ง ชัว นักวิเคราะห์จากธนาคารดีบีเอสกล่าว
ทั้งนี้ สิงคโปร์และฮ่องกงมีการลงทุนในจีนมากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ผ่านทางโครงการเชื่อมโยงด้านสินค้าโภคภัณฑ์และการค้า
นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ได้ปรับลดคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจฮ่องกงในไตรมาส 3 และ 4 ลงสู่ระดับ 2.6% และ 2.4% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 3.2% และ 3.1% ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจในไตรมาส 1 และ 2 ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.7% และ 1.8% ตามลำดับ
รัฐบาลฮ่องกงประมาณการว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวราว 2%-3% ในปีนี้ แต่เอริค ซู นักเศรษฐศาสตร์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวใกล้กับกรอบล่างของตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าว
"นั่นจะเป็นปีที่สองติดต่อกันที่เศรษฐกิจฮ่องกงชะลอตัวลง เนื่องจากอุปสงค์ในจีนที่อ่อนแอลง และสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่สอง" ซูกล่าว