นักวิเคราะห์เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของเม็กซิโกมีแนวโน้มหดตัวในไตรมาสแรกปีนี้ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค (technical recession) เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรที่ไม่แน่นอนของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอลงอยู่แล้วในขณะนี้
"แม้ว่าเศรษฐกิจของเม็กซิโกอาจมีการฟื้นตัวเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 แต่ในไตรมาสแรกนี้เศรษฐกิจได้รับความเสียหายแล้ว" มาร์โก โอวิเอโด หัวหน้านักยุทธศาสตร์ประจำภูมิภาคลาตินอเมริกาของบริษัทเอ็กซ์พี อินเวสเมนต์ส (XP Investments) กล่าว
ในไตรมาส 4 ของปี 2567 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของเม็กซิโกหดตัวลง 0.6% ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นหาก GDP ในไตรมาส 1 ปีนี้หดตัวลงอีก ก็จะเข้าเกณฑ์คำนิยมภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค
การเรียกเก็บภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจของเม็กซิโกที่เพิ่งฟื้น หลังจากเม็กซิโกประสบกับภัยแล้งรุนแรงในปีที่แล้ว อีกทั้งนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับการปฏิรูปตุลาการที่เป็นที่ถกเถียง และอำนาจรัฐสภาที่ไม่ถูกตรวจสอบของพรรคโมเรนาที่กำลังปกครองประเทศ
ปัญหาเศรษฐกิจกลายได้สร้างความกังวลให้กับประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ผู้นำเม็กซิโก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ปธน.เชนบามต้องลดการใช้จ่ายอย่างเข้มงวดหลังจากรัฐบาลขาดดุลงบประมาณสูงที่สุดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 2523 นักเศรษฐศาสตร์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญภาวะถดถอย อันเนื่องมาจากอนาคตที่ไม่แน่นอนของข้อตกลงการค้าเสรีสหรัฐฯ เม็กซิโก แคนาดา (USMCA)