สตีเวน มนูชิน อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "Squawk Box" ของสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า เขาเชื่อว่าประชาชนมีปฏิกิริยามากเกินไปเล็กน้อยต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พร้อมกับกล่าวว่า เขายังไม่เห็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังจะเกิดขึ้น
"ผมไม่คิดว่าเราจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผมไม่คิดว่าแนวโน้มในวันข้างหน้าเราจะเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และเมื่อแลร์รี ซัมเมอร์ส กล่าวว่า มีโอกาส 50% ผมก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนั้น" มนูชิน ซึ่งเป็นรมว.คลังสมัยปธน.ทรัมป์ดำรงตำแหน่งวาระแรก กล่าวในรายการดังกล่าวเมื่อวันพุธ (12 มี.ค.) โดยเขาอ้างถึงการแสดงความเห็นของซัมเมอร์ส ซึ่งเป็นอดีตรมว.คลังอีกคนหนึ่ง
นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์เข้าดำรงตำแหน่งวาระสองในช่วงปลายเดือนม.ค. สถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้ารายใหญ่อย่างแคนาดา เม็กซิโก และจีน ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น โดยทำเนียบขาวได้ประกาศรีดภาษีนำเข้าจากนั้นก็ยกเลิกกลับไปกลับมาหลายครั้ง นอกจากนี้ รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยังได้ลดตำแหน่งงานลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีส่วนบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กในการสำรวจเมื่อไม่นานมานี้
มนูชินยังได้กล่าวถึงการทรุดตัวของตลาดหุ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ โดยระบุว่าการที่ตลาดปรับตัวลงนั้นเกิดจากการที่ตลาดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดก่อนหน้านั้น โดยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (11 มี.ค.) ดัชนี S&P500 ปิดตลาดต่ำกว่าระดับสูงสุด 9.4% และดัชนี Nasdaq Composite ปิดตลาดต่ำกว่าระดับสูงสุด 13.7%
นอกจากนี้ มนูชินยังกล่าวด้วยว่า เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเคลื่อนไหวรายวันของตลาดหุ้นเมื่อครั้งที่เขาดำรงตำแหน่งรมว.คลัง แต่มองว่าตลาดเป็น "มาตรวัด" ที่ดีในระยะยาว
ทั้งนี้ มนูชิน ซึ่งเป็นอดีตผู้บริหารบริษัท โกลด์แมน แซคส์ ถูกมองว่าเป็นผู้ช่วยรักษาเสถียรภาพในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก และเป็นหนึ่งในแกนนำการกำหนดแผนสนับสนุนเศรษฐกิจในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19