ผู้บริหาร Forever 21 แบรนด์แฟชั่นที่เคยได้รับความนิยมในกลุ่มสาววัยรุ่นด้วยสินค้าแฟชั่นราคาประหยัด ได้ยื่นฟ้องล้มละลายภายใต้บทบัญญัติ Chapter 11 ในรัฐเดลาแวร์ของสหรัฐอเมริกา หลังประสบปัญหาผลประกอบการตกต่ำต่อเนื่องหลายปี โดยบริษัทแถลงว่าจะยุติการดำเนินงานในสหรัฐฯ พร้อมเตรียมขายกิจการบางส่วนหรือทั้งหมด
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (17 มี.ค.) โดยนำเสนอคำร้องของ Forever 21 ที่ยื่นต่อศาล ซึ่งระบุว่า บริษัทมีสินทรัพย์ 100-500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหนี้สิน 1,000-10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ก่อนหน้านี้ บลูมเบิร์กรายงานเมื่อเดือนก.พ.ว่า Forever 21 กำลังพิจารณาทางเลือกในการพลิกฟื้นธุรกิจ รวมถึงการยื่นล้มละลายครั้งที่ 2 หลังจากเคยล้มละลายครั้งแรกในปี 2562 ซึ่งส่งผลให้ต้องปิดร้านหลายร้อยสาขา และเจ้าหนี้แทบไม่ได้รับชำระหนี้คืน
ภายหลังการล้มละลายครั้งแรก กลุ่มนักลงทุนประกอบด้วย Simon Property Group, Brookfield Corp. และ Authentic Brands ได้ร่วมกันซื้อกิจการผ่านบริษัท Sparc Group ซึ่งล่าสุดได้ควบรวมกับ JCPenney จัดตั้งเป็น Catalyst Brands ในปีนี้ และอยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางดำเนินงานของ Forever 21 ซึ่งปัจจุบันมีสาขากว่า 540 แห่งทั่วโลก
อนึ่ง Forever 21 เป็นผู้ค้าปลีกรายล่าสุดที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อสูง เนื่องจากผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น อีกทั้งพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันไปซื้อสินค้าออนไลน์แทนการเดินห้างฯ ทั้งนี้ การยื่นล้มละลายครั้งนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อสาขาในต่างประเทศ ซึ่งดำเนินการโดยผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์รายอื่น