ข้อมูลการติดตามเรือที่รวบรวมโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กแสดงให้เห็นว่า จีนไม่ได้นำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐฯ มาเป็นเวลา 40 วันแล้ว ซึ่งถือเป็นช่วงเว้นว่างที่ยาวนานที่สุดในรอบเกือบสองปี หรือนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2566 เนื่องจากผู้ค้าถูกบีบให้เปลี่ยนเส้นทางขนส่งเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าของจีนสำหรับเชื้อเพลิงดังกล่าว
สงครามการค้าที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จุดชนวนขึ้นนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อจีน ซึ่งเป็นผู้ซื้อและผู้ขาย LNG รายใหญ่ที่สุดของโลก ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้สหรัฐฯ ที่ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ทางการจีนจึงได้ประกาศเก็บภาษี LNG ของสหรัฐฯ ในอัตรา 15% ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา
การตัดสินใจดังกล่าวส่งผลให้ผู้ซื้อชาวจีนที่ทำสัญญาซื้อ LNG ของสหรัฐฯ ในระยะยาวต้องขายต่อก๊าซเหล่านั้นให้กับยุโรป อีกทั้งบริษัทจีนหลายแห่งยังลังเลที่จะทำสัญญาฉบับใหม่กับโรงงาน LNG ของสหรัฐฯ และเลือกที่จะจัดซื้อก๊าซจากเอเชียแปซิฟิกหรือตะวันออกกลางแทน
เมื่อวานนี้ (17 มี.ค.) บริษัท ไชน่า รีซอร์สเซส ก๊าซ อินเตอร์เนชันแนล (China Resources Gas International) ตกลงที่จะซื้อ LNG จากบริษัท วูดไซด์ เอนเนอจี กรุ๊ป จำกัด (Woodside Energy Group Ltd.) ของออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2570 เป็นเวลา 15 ปี ซึ่งถือเป็นการทำข้อตกลงซื้อขาย LNG ครั้งแรกในรอบหลายปีระหว่างจีนกับออสเตรเลีย และสืบเนื่องจากการปรับปรุงความสัมพันธ์ของสองประเทศหลังจากที่ความสัมพันธ์ด้านการค้าตกต่ำลงเมื่อช่วงต้นทศวรรษ
นอกจากนี้ จีนยังเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงานโดยมุ่งเน้นผลิตก๊าซในประเทศมากขึ้นซึ่งจะช่วยลดการนำเข้า ซึ่งข้อมูลเผยให้เห็นปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงสองเดือนแรกของปี 2568