ตลาดหุ้นเอเชียมีแนวโน้มลดลงในวันนี้ (19 มี.ค.) โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวานนี้ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีเผชิญแรงขายอย่างต่อเนื่อง
บรรดานักลงทุนจะจับตาตลาดหุ้นญี่ปุ่น เนื่องจากธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เตรียมประกาศนโยบายการเงินในวันนี้ โดยมีการคาดการณ์กันอย่างกว้างขวางว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5%
-- ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เห็นพ้องกันที่จะให้มีการหยุดโจมตีเป้าหมายด้านพลังงานและโครงสร้างพื้นฐานในการทำสงครามยูเครนเป็นเวลา 30 วันต่อ และจะมีการเริ่มต้นเจรจาหยุดยิงในวงกว้างขึ้นโดยทันที
"การเจรจาดังกล่าวจะเริ่มขึ้นโดยทันทีที่ตะวันออกกลาง" ทำเนียบขาวระบุ และเสริมว่า หากสหรัฐฯ และรัสเซียพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ก็จะเป็นปัจจัยหนุนอย่างมากทางด้านเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กล่าวว่า ความช่วยเหลือแก่ยูเครนไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือระหว่างการสนทนาทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) แม้ทางเครมลินระบุว่า ผู้นำรัสเซียได้เรียกร้องให้ยุติการสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครนก็ตาม
-- เว็บไซต์ข่าว Semafor รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ กำลังพิจารณาที่จะให้การยอมรับคาบสมุทรไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซีย เพื่อแลกกับการที่รัสเซียยอมรับข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติสงครามในยูเครน
นอกจากนี้ Semafor รายงานว่า สหรัฐมีแผนที่จะเรียกร้องให้สหประชาชาติ (UN) ให้การยอมรับคาบสมุทรไครเมียเป็นดินแดนของรัสเซียเช่นกัน
-- ฟาฮาน ฮัก รองโฆษกของอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN) กล่าวว่า กูเตอร์เรสรู้สึกช็อก หลังมีรายงานว่า กองทัพอิสราเอลได้ทำการโจมตีทางอากาศต่อฉนวนกาซา จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
"ท่านเลขาธิการสหประชาชาติรู้สึกช็อกต่อรายงานดังกล่าว และเรียกร้องให้มีการเคารพข้อตกลงหยุดยิง เพื่อให้มีการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และให้มีการปล่อยตัวประกันอย่างไม่มีเงื่อนไข" ฮักกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลได้กลับมาทำการโจมตีในฉนวนกาซาเมื่อวานนี้ (18 มี.ค.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 413 ราย บาดเจ็บหลายร้อยราย และถือเป็นการยุติข้อตกลงหยุดยิงระยะเวลา 2 เดือนกับกลุ่มฮามาส
-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนก.พ.
-- กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนม.ค. และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนม.ค.
การปรับตัวขึ้นของดัชนีราคานำเข้าได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาพลังงาน
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยในวันนี้ ญี่ปุ่นเปิดเผยยอดนำเข้า ยอดส่งออก และดุลการค้าเดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงมติอัตราดอกเบี้ย, ธนาคารกลางอินโดนีเซียแถลงมติอัตราดอกเบี้ย, อียูเปิดเผยอัตราเงินเฟ้อเดือนก.พ. และสหรัฐฯ เปิดเผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์จากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ย (เช้าวันที่ 20 มี.ค.)