โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 3 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม กันยายน และพฤศจิกายน เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2 ครั้งในปีนี้ และคาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนเมษายน มิถุนายน และกรกฎาคม เนื่องจากคาดว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป (EU) มีแนวโน้มอ่อนแอลง
โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ซึ่งรัฐบาลทรัมป์จะประกาศในวันพุธที่ 2 เม.ย. จะส่งผลให้เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น โดยคาดว่าภายในสิ้นปี 2568 ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) จะอยู่ที่ระดับ 3.5% และคาดว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวขึ้นแตะระดับ 4.5%
นอกจากนี้ โกลด์แมน แซคส์ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาส 4/2568 ของสหรัฐฯ ลงมาอยู่ที่ระดับ 1% จาก 1.5% และได้ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วง 12 เดือนข้างหน้าเป็น 35% จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 20%
ส่วนทางด้านเศรษฐกิจยุโรปนั้น โกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของ GDP ตลอดปี 2568 และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อของ EU โดยพิจารณาบนพื้นฐานของการคาดการณ์ว่า EU อาจจะใช้มาตรการภาษีตอบโต้สหรัฐฯ
ทั้งนี้ คาดว่า GDP ของ EU จะขยายตัวเพียง 0.1%, 0.0%, และ 0.2% ในไตรมาส 2 ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ตามลำดับ พร้อมกับปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของ EU ขึ้นสู่ระดับ 2.1% ในไตรมาส 4 เทียบกับตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 2%