โลกลุ้นระทึก "ทรัมป์" ดีเดย์ 2 เม.ย. ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday April 1, 2025 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ในวันพุธที่ 2 เม.ย. นี้ ที่โรส การ์เดน (Rose Garden) ในทำเนียบขาว เพื่อยุติการปฏิบัติทางการค้าที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเอาเปรียบสหรัฐฯ มาเป็นเวลาหลายทศวรรษ

"ถึงเวลาแล้วสำหรับการใช้มาตรการต่างตอบแทน และถึงเวลาแล้วที่ประธานาธิบดีจะนำการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์เพื่อทำในสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประชาชนชาวอเมริกัน" โฆษกทำเนียบขาวกล่าว พร้อมทั้งเผยว่า สมาชิกฝ่ายบริหารของปธน.ทรัมป์จะเข้าร่วมเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ด้วย

โฆษกทำเนียบขาวยังกล่าวด้วยว่า มาตรการภาษีที่ปธน.ทรัมป์เตรียมประกาศในวันพุธนี้จะมีลักษณะเป็น "รายประเทศ" นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมุ่งมั่นที่จะประกาศมาตรการภาษีเป็นรายภาคอุตสาหกรรมด้วย แต่จะไม่ใช่จุดสนใจหลักของสิ่งที่จะประกาศในวันที่ 2 เม.ย.

อย่างไรก็ดี เลวิตต์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียดเมื่อผู้สื่อข่าวถามเกี่ยวกับอัตราภาษีและประเทศใดบ้างที่จะได้รับผลกระทบ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสินค้าที่เกษตรกรอเมริกันจำเป็นต้องใช้นั้นจะได้รับการปรับลดภาษีนำเข้าหรือไม่ เธอตอบว่า "ไม่มีการยกเว้นในขณะนี้"

สำหรับช่วงเวลาของการประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้นั้น สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ เปิดเผยกับฟ็อกซ์นิวส์ว่าจะมีขึ้นในเวลา 15.00 น. ตามเวลากรุงวอชิงตัน (ตรงกับเวลา 02.00 น. ของวันที่ 3 เม.ย. ตามเวลาไทย)

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ปธน.ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เขาได้ประกาศสงครามการค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% และเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 20% โดยอ้างว่ามาตรการนี้จำเป็นเพื่อควบคุมคนเข้าเมือง สกัดการค้ายาเสพติด และหนุนอุตสาหกรรมในประเทศ

นอกจากนี้ ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมสู่ระดับ 25% พร้อมทั้งยกเลิกข้อยกเว้นรายประเทศ ข้อตกลงตามโควตา และการยกเว้นภาษีเฉพาะผลิตภัณฑ์นับแสนรายการสำหรับโลหะทั้งสองชนิด มีผลบังคับใช้ในวันที่ 12 มี.ค. โดยให้เหตุผลว่ามีเป้าหมายที่จะช่วยเหลืออุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ ที่กำลังประสบปัญหา

นักลงทุนในตลาดการเงินทั่วโลกต่างวิตกกังวลว่า มาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์จะนำไปสู่การทำสงครามการค้าทั่วโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น โดยโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ได้ปรับเพิ่มโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะถดถอยเป็น 35% จากเดิม 20% พร้อมกับคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ เพื่อรับมือกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ

ส่วนตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันตลอดเดือนมี.ค.และในไตรมาส 1/2568 อันเนื่องมาจากมาตรการภาษีศุลกากรของปธน.ทรัมป์ โดยตลอดเดือนมี.ค. ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 4.2% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 5.8% และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 8.2% ส่วนตลอดไตรมาส 1/2568 ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 1.3% ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 4.6% และดัชนี Nasdaq ดิ่งลง 10.5%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ