ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันอังคาร (8 เม.ย.) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตถ่านหินในสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นการขัดต่อความพยายามทั่วโลกในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน
สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน (EIA) ของรัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ปัจจุบันโรงไฟฟ้าถ่านหินผลิตไฟฟ้าได้ไม่ถึง 20% ของสหรัฐฯ ซึ่งลดลงจากระดับ 50% ในปี 2543 ขณะที่วิธีการ fracking และเทคนิคการขุดเจาะอื่น ๆ ทำให้การผลิตก๊าซธรรมชาติเพิ่มขึ้น รวมถึงความนิยมที่เพิ่มขึ้นในการหันไปใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม
ทรัมป์กล่าวต่อหน้าคนงานเหมืองถ่านหินที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐฯ กำลังนำอุตสาหกรรมที่ถูกละทิ้งกลับมา โดยหมายถึงการทำเหมืองถ่านหินซึ่งคำสั่งดังกล่าวจะช่วยให้คนงานเหมืองกลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยแรงงานลดลงจาก 70,000 คนเหลือประมาณ 40,000 คนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
ทรัมป์มุ่งเน้นไปที่การลดกฎระเบียบด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อมและเพิ่มผลผลิตพลังงานของสหรัฐฯ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยเหตุผลหลักประการหนึ่งของคำสั่งดังกล่าวคือความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนโดยอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และสกุลเงินดิจิทัลต่าง ๆ
นอกจากนี้ คำสั่งของฝ่ายบริหารยังรวมถึงมาตรการต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กำลังประสบปัญหาไม่ให้ต้องปิดตัวลง โดยใช้อำนาจตามกฎหมายป้องกันประเทศปี 1950 (1950 Defense Production Act) เพื่อส่งเสริมการผลิตถ่านหินด้วย