ตลาดหุ้นเอเชียเปิดบวกในวันนี้ (10 เม.ย.) หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทะยานขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศระงับการขึ้นภาษีนำเข้ากับประเทศต่าง ๆ เป็นเวลา 90 วัน ยกเว้นจีน
นักลงทุนจะจับตาดูตลาดหุ้นจีนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็น 125% หลังจากที่จีนประกาศแผนที่จะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหรัฐฯ สูงถึง 84%
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) เป็นเวลา 90 วัน โดยมีผลบังคับใช้ในทันที
ปธน.ทรัมป์เปิดเผยถึงสาเหตุของการระงับภาษีดังกล่าวว่า มาจากการที่ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 75 ประเทศได้ติดต่อมายังเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อทำการเจรจาหาทางออกต่อความกังวลทางการค้าที่เขาได้ยกมาเป็นเหตุผลในการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว
-- สำนักงานคณะกรรมการภาษีศุลกากรของสภาแห่งรัฐจีน ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ สู่ระดับ 84% จากเดิมที่ระดับ 34% โดยมีผลบังคับใช้ในวันพฤหัสบดีที่ 10 เม.ย.
จีนดำเนินการดังกล่าว เพื่อตอบโต้ต่อการที่สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีนสูงถึง 104% ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวานนี้
-- สหภาพยุโรป (EU) อนุมัติมาตรการตอบโต้ต่อการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจาก EU ในอัตรา 20% ก่อนหน้านี้
EU จะเรียกเก็บภาษีสินค้าส่วนใหญ่จากสหรัฐฯ ในอัตรา 25% โดยจะครอบคลุมสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึง ถั่วเหลือง สัตว์ปีก ยาสูบ เหล็กและอะลูมิเนียม โดยสินค้าเหล่านี้คิดเป็นมูลค่าราว 2.2 หมื่นล้านยูโรในปีที่แล้ว
-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความไม่เห็นด้วยอีกครั้งต่อการขายกิจการ ยูเอส สตีล คอร์ป (United States Steel Corp.) ของสหรัฐฯ ให้กับบริษัทนิปปอน สตีล คอร์ป (Nippon Steel Corp.) ของญี่ปุ่น รวมถึงได้กล่าวชื่นชมแผนภาษีศุลกากรของตนว่า เป็นวิธีที่มีประสิทธิผลในการฟื้นฟูอุตสาหกรรมเหล็กและอุตสาหกรรมดั้งเดิมอื่น ๆ ของสหรัฐฯ
ทรัมป์เรียกบริษัทยูเอส สตีล คอร์ป ว่าเป็น "บริษัทที่พิเศษมาก" ซึ่งเคยเป็นผู้ผลิตเหล็กกล้ารายใหญ่อันดับ 1 ของโลกมาเป็นเวลานาน โดยเขาได้กล่าวกับนักข่าวว่า "นั่นเป็นสาเหตุที่เราไม่อยากเห็นบริษัทตกไปอยู่ในมือญี่ปุ่น" ถึงแม้ทรัมป์กล่าวว่า เขารักญี่ปุ่นก็ตาม
-- ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ หดตัว -2.4% ในไตรมาส 1/2568
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 19 ก.พ. GDPNow คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว +2.3% ในไตรมาส 1/2568
-- สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 20% ในสัปดาห์ที่แล้ว หลังอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวลง
จำนวนผู้ที่ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการรีไฟแนนซ์เพิ่มขึ้น 35% ในสัปดาห์ที่แล้ว และทะยานขึ้น 93% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
-- สภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมาเปิดเผยว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ได้เพิ่มสู่ระดับ 3,649 ราย บาดเจ็บ 5,018 ราย และสูญหาย 145 ราย
สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ (USGS) คาดการณ์ว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในเมียนมาจะทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 10,000-100,000 ราย และจะสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 70% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของเมียนมา
-- ข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่จะเปิดเผยในวันนี้ (10 เม.ย.) ได้แก่ ญี่ปุ่นเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., จีนเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค. ส่วนสหรัฐฯ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.