ปธ.เฟดบอสตันเตือนภาษีทรัมป์เสี่ยงทำเงินเฟ้อสูง-สกัดเฟดหั่นดอกเบี้ย

ข่าวเศรษฐกิจ Friday April 11, 2025 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ซูซาน คอลลินส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาบอสตัน กล่าวในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ กรุงวอชิงตัน ในวันพฤหัสบดี (10 เม.ย.) ว่า แม้ว่าเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แต่ภาวะเงินเฟ้อที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรนั้น อาจทำให้เฟดเลื่อนเวลาการปรับลดอัตราดอกเบี้ยออกไปอีก

คอลลินส์กล่าวว่า แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นรอบใหม่นี้ อาจทำให้การปรับนโยบายการเงินให้เป็นปกติต้องล่าช้าออกไป เนื่องจากเฟดต้องมีความมั่นใจว่าภาษีศุลกากรจะไม่ทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อตกอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ อย่างไรก็ดี คอลลินส์มองว่า นโยบายการเงินของเฟดอยู่ในสถานะที่เหมาะสมในการรับมือกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงในขณะนี้

ในขณะที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดรอดูภาพรวมที่ชัดเจนว่าภาษีศุลกากรจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างไรนั้น คอลลินส์กล่าวว่า การคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในช่วงเวลานี้

นอกจากนี้ คอลลินส์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2568 อาจจะชะลอตัวลงอีก เนื่องจากอุปสงค์มีความอ่อนแอมากกว่าอุปทาน อย่างไรก็ดี เธอมองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจจะเป็นไปในลักษณะขยายตัวในอัตราที่ชะลอลง ไม่ใช่การทรุดตัวลงอย่างหนัก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) และภาษีศุลกากรพื้นฐาน (Baseline Tariff) เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย. โดยภาษีศุลกากรตอบโต้จะแตกต่างกันไปเป็นรายประเทศ ขึ้นอยู่กับการตั้งกำแพงภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีของประเทศนั้น ๆ ที่มีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ส่วนภาษีศุลกากรพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 10% เท่ากันทุกประเทศ และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 5 เม.ย.

ทั้งนี้ แม้ว่าในวันที่ 9 เม.ย. ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศระงับการขึ้นภาษีศุลกากรจากประเทศต่าง ๆ เป็นเวลา 90 วัน แต่กลับยังคงเดินหน้าปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน โดยขณะนี้สหรัฐฯ เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรวมทั้งสิ้นในอัตรา 145%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ