วาณิชธนกิจระดับโลกหลายแห่งได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้ เนื่องจากคาดว่ามาตรการเก็บภาษีนำเข้าอย่างรุนแรงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีนซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น หลังทรัมป์ประกาศมาตรการภาษีตอบโต้เมื่อวันที่ 2 เม.ย. ซึ่งนำไปสู่การกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าของแต่ละประเทศ และภายในวันที่ 11 เม.ย. จีนก็แทบจะตกอยู่ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรทางการค้าของสหรัฐฯ เนื่องจากภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนพุ่งสูงถึง 145%
ซิตี้ (Citi) คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้จะขยายตัว 4.2% ลดลงจากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 4.7%, โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) คาดว่า GDP จีนปีนี้จะอยู่ที่ 4% ลดลงจากที่คาดไว้เดิมที่ 4.5%, ยูบีเอส (UBS) คาดว่า GDP จีนปีนี้จะอยู่ที่ 3.4% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4% และมอร์แกน สแตนลีย์ (Morgan Stanley) คาดว่า GDP จีนปีนี้จะอยู่ที่ 4.2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% ซึ่งบรรดาตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดนั้นต่ำกว่าระดับเป้าหมายอย่างเป็นทางการของจีนที่กำหนดไว้ที่ราว 5.0%
ทั้งนี้ วาณิชธนกิจบางแห่งเพิ่งปรับเพิ่มประมาณการเศรษฐกิจจีนเมื่อเดือนที่แล้ว หลังเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงสองเดือนแรกของปีนี้ โดย GDP จีนขยายตัว 5% ในปีที่ผ่านมา
ส่วนข้อมูลอย่างเป็นทางการของจีนที่เผยแพร่ในวันนี้ (16 เม.ย.) บ่งชี้ว่า GDP ของจีนในไตรมาสแรกขยายตัว 5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 5.1%