รัฐบาลออสเตรเลียประกาศในวันนี้ (24 เม.ย.) ว่า จะลงทุนเบื้องต้น 1.2 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (763 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อจัดตั้งคลังสำรองแร่สำคัญ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างห่วงโซ่อุปทานแยกออกจากจีนซึ่งปัจจุบันครองตลาดแร่เหล่านี้อยู่เป็นส่วนใหญ่
แอนโทนี อัลบาเนซี นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวว่า คลังสำรองแร่ดังกล่าวจะใช้ประโยชน์จากทรัพยากรแร่ที่ออสเตรเลียมีอยู่ปริมาณมาก และช่วยเสริมความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งนี้ รัฐบาลออสเตรเลียจะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อปรึกษาหารือและสรุปขอบเขตและรูปแบบของคลังสำรอง โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2569
แผนการนี้เกิดขึ้นหลังจากจีนออกมาตรการจำกัดการส่งออกแร่หลายชนิด ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับการผลิตทั้งสมาร์ตโฟน แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงขีปนาวุธอินฟราเรด โดยจีนเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ กำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนหลายรายการ
ขณะนี้ จีนเป็นผู้ผลิตแร่ที่ถูกจัดว่าจำเป็น (critical minerals) มากถึง 30 จาก 50 ชนิดที่สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ จัดอันดับไว้ ในขณะที่ออสเตรเลียก็มีแหล่งแร่สำคัญหลายแห่งเช่นกัน
อัลบาเนซีกล่าวว่า แผนนี้จะทำให้ออสเตรเลียสามารถรับมือกับความปั่นป่วนทางการค้าและตลาดได้อย่างแข็งแกร่ง เพราะออสเตรเลียจะมีแหล่งทรัพยากรที่ทั่วโลกต้องการอยู่ในมือ โดยแร่ที่อยู่ในคลังสำรองนี้จะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมภายในประเทศ และสามารถส่งต่อให้กับพันธมิตรต่างประเทศที่สำคัญด้วย