สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อวันพุธ (23 เม.ย.) ว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนในการเจรจาการค้ากับญี่ปุ่น ขณะที่ทั้งสองประเทศกำลังพยายามหาทางออกร่วมกัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการกำแพงภาษีที่รุนแรงต่อสินค้านำเข้า
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ถ้อยแถลงของเบสเซนต์ครั้งนี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า รัฐบาลทรัมป์จะไม่หยิบยกประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนที่เจาะจงมาเป็นเงื่อนไขในการเจรจา โดยมีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนการพบปะกับคัตสึโนบุ คาโตะ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น ที่กรุงวอชิงตัน ซึ่งคาดการณ์กันว่านโยบายด้านสกุลเงินจะเป็นหัวข้อหลักในการหารือ
ทางด้านคาโตะได้ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า กำหนดการประชุมกับเบสเซนต์จะมีขึ้นในวันนี้ (24 เม.ย.) โดยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเจรจาภาษีทวิภาคีที่ได้เริ่มต้นอย่างเป็นทางการไปเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ มีกระแสคาดการณ์ว่า เบสเซนต์อาจหยิบยกประเด็นอัตราแลกเปลี่ยนขึ้นมาหารือกับคาโตะ เนื่องจากปธน.ทรัมป์เคยกล่าวหาญี่ปุ่นว่าจงใจกดค่าเงินเยนเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการค้าและทำให้สหรัฐฯ ขาดดุล
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลญี่ปุ่นได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวมาโดยตลอด โดยยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และญี่ปุ่นยังคงยึดมั่นตามข้อตกลงเดิมของกลุ่ม G7 ที่ว่า ค่าเงินควรเคลื่อนไหวตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ
เบสเซนต์ยังกล่าวเสริมในวันพุธว่า สหรัฐฯ คาดหวังให้ญี่ปุ่นเคารพข้อตกลง G7 เช่นกัน พร้อมย้ำว่า "ดังที่ผมเคยกล่าวไปหลายครั้ง...เรากำลังพิจารณาปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน"
เบสเซนต์ระบุว่า เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ รัฐบาลทรัมป์เชื่อว่าจำเป็นต้องจัดการกับปัจจัยสำคัญหลายด้าน ทั้งเรื่องกำแพงภาษี อุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี การแทรกแซงค่าเงิน และการให้เงินอุดหนุนจากภาครัฐ
ส่วนในประเด็นการค้า ปธน.ทรัมป์ได้ตั้งคำถามถึงสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ มองว่าเป็นอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีของญี่ปุ่น ควบคู่ไปกับข้อกล่าวหาเรื่องการกดค่าเงินเยนเพื่อเอื้อประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมรถยนต์และภาคการผลิตอื่น ๆ
อนึ่ง การประชุมระหว่างรัฐมนตรีคลังทั้งสองมีขึ้นหลังจากที่หัวหน้าคณะเจรจาด้านภาษีของญี่ปุ่นได้เดินทางเยือนกรุงวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเมื่อวันที่ 16 เม.ย. เรียวเซ อาคาซาวะ รัฐมนตรีผู้รับผิดชอบด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ได้เข้าพบปธน.ทรัมป์ ณ ห้องทำงานรูปไข่ในทำเนียบขาวเป็นเวลา 50 นาที ก่อนจะเข้าร่วมประชุมกับเบสเซนต์, โฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีพาณิชย์ และเจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ