ทั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานจาก 12 ประเทศของกลุ่มโอเปคซึ่งประกอบด้วย แอลจีเรีย แองโกลา เอกวาดอร์ อิรัก คูเวต ลิเบีย ไนจีเรีย กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเวเนซูเอลา เห็นพ้องต้องกันว่า โอเปคได้ตัดสินใจคงเพดานการผลิตน้ำมันเอาไว้ในระดับดังกล่าว เนื่องจากอุปสงค์และอุปทานน้ำมันในตลาดโลก ในขณะที่กลุ่มโอเปคยังคงจัดหาน้ำมันดิบรองรับความต้องการของตลาดโลกในสัดส่วน 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันดิบทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม โอเปคคาดว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนโควต้าการผลิตเนื่องจากมีแนวโน้มว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านจะถูกยกเลิกในปีหน้า หากอิหร่านยอมยกเลิกโครงการนิวเคลียร์ตามที่ชาติมหาอำนาจเรียกร้อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปัจจุบัน 2.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
นอกจากนี้ กลุ่มโอเปคยังมีมุมมมองที่เป็นบวกว่าการส่งออกน้ำมันดิบในอนาคตยังคงสดใส แม้บางประเทศ รวมถึงสหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาพึ่งพาการผลิตเชื้อเพลิงภายในประเทศของตนเองเพิ่มขึ้นก็ตาม สำนักข่าวซินหัวรายงาน