คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เปิดเผยว่า การเทคโอเวอร์กิจการจะไม่ทำให้เชลล์มีอำนาจเหนือตลาดด้านการสำรวจน้ำมันและก๊าซ การแปรรูปก๊าซเป็นของเหลว รวมถึงสต็อกก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ค้าส่ง
นอกจากนี้ เชลล์จะไม่สามารถปิดกั้นโอกาสของบริษัทคู่แข่งในการเข้าถึงโครงสร้างผลิตก๊าซเหลว ซึ่งป้อนก๊าซ LNG ให้กับเขตเศรษฐกิจยุโรป (EEA) รวมถึงโครงสร้างด้านการขนส่งและแปรรูปก๊าซในทะเลเหนือ
มติดังกล่าวหนุนความหวังของเชลล์ในการฝ่าอุปสรรคด้านการกำกับดูแล เพื่อเดินหน้าข้อตกลงซื้อกิจการของบริษัทน้ำมันและก๊าซสัญชาติอังกฤษอย่างบีจี กรุ๊ป
ข้อตกลงซื้อกิจการดังกล่าวที่ได้ประกาศไว้เมื่อเดือนเม.ย.นั้น คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงต้นปี 2559 โดยที่ผ่านมานั้นเชลล์ได้รับการอนุมัติจากฝ่ายกำกับดูแลในบราซิลและสหรัฐ แต่ขณะนี้ยังคงรอรับการอนุมัติจากออสเตรเลียและจีน
ทั้งนี้ รอยัล ดัทช์ เชลล์ เป็นกลุ่มบริษัทระดับโลกในด้านพลังงานและปิโตรเคมีระดับโลก ซึ่งดำเนินธุรกิจทั้งด้านการสำรวจ ผลิต และทำตลาดน้ำมันและก๊าซ
ส่วนบีจี กรุ๊ป มีการดำเนินงานหลักๆสองส่วนด้วยกัน ได้แก่ธุรกิจก๊าซต้นน้ำ และธุรกิจขนส่งและจำหน่ายก๊าซ LNG
การเทคโอเยอค็ดังกล่าวนับเป็นข้อตกลงด้านพลังงานที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับต้นๆในรอบหลายปี โดยคาดว่าจะช่วยให้ปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซของเชลล์เพิ่มขึ้น 25% รวมทั้งเพิ่มผลผลิตพลังงานอีก 20% ต่อปี สำนักข่าวซินหัวรายงาน