ธนาคารบาร์เคลย์สออกรายงานระบุว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) มีแนวโน้มที่จะบรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.
อย่างไรก็ดี บาร์เคลย์สเตือนว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลกระทบน้อยมากต่อตลาด เนื่องจากสหรัฐจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน
"เราคาดว่าโอเปกจะออกแถลงการณ์บรรลุข้อตกลง แต่ผู้ผลิตน้ำมัน shale oil จากสหรัฐก็จะเพิ่มการผลิตน้ำมันเมื่อเห็นว่าราคาอยู่ที่ 50-55 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยจะพยายามฉวยโอกาสที่ได้รับจากการปรับลดกำลังการผลิตของโอเปก" รายงานระบุ
ทางด้านสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่า ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ของสหรัฐจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน หากราคาพุ่งแตะระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งบ่งชี้ว่า กลุ่มโอเปกจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง หากมีการปรับลดกำลังการผลิตเพื่อกระตุ้นให้ราคาดีดตัวขึ้น
IEA คาดการณ์ว่า อาจจะต้องใช้เวลา 9 เดือน กว่าที่ปริมาณน้ำมันใหม่ของสหรัฐจะเข้าสู่ตลาด
นอกจากนี้ IEA ยังระบุว่า การลงทุนในการสำรวจและขุดเจาะน้ำมันได้ลดลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จากสาเหตุการดิ่งลงของราคาน้ำมัน และภาวะการณ์ดังกล่าวจะยังคงดำเนินต่อไปในปีหน้า ซึ่งจะทำให้ราคามีความผันผวนมากขึ้น
ในการประชุมที่กรุงอัลเจียร์ในวันที่ 28 ก.ย. โอเปกตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตสู่ระดับ 32.50-33.0 ล้านบาร์เรล/วัน โดยจะมีการสรุปโควตาของแต่ละประเทศในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าวนอกรอบการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ครั้งที่ 24 ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวานนี้ว่า รัสเซียพร้อมที่จะตรึงกำลังการผลิตน้ำมัน
ประธานาธิบดีปูตินกล่าวว่า การตรึงกำลังการผลิตไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรัสเซีย พร้อมระบุว่า รัสเซียจะดำเนินการทุกอย่างตามความคาดหวังของประเทศคู่ค้าของรัสเซียในกลุ่มโอเปก และยังกล่าวด้วยว่า บริษัทน้ำมันของรัสเซียมีความพร้อมที่จะตรึงการผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีปูตินยังคาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่กลุ่มโอเปกจะบรรลุข้อตกลงเรื่องการปรับลดกำลังการผลิต ในการประชุมวันที่ 30 พ.ย.นี้ ซึ่งจะช่วยสร้างเสถียรภาพในตลาดน้ำมันและช่วยหนุนราคาน้ำมันให้แข็งแกร่งขึ้น