สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ออกรายงานประจำเดือนธ.ค.ระบุว่า ช่วงเวลา 2-3 สัปดาห์ข้างหน้าจะถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะทำให้นักลงทุนเห็นว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มนอกโอเปก จะสามารถปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังการผลิตน้ำมันอย่างเต็มที่หรือไม่ และจะมีความสำคัญต่อทิศทางราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ ในการประชุมช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน ขณะที่รัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตลง 300,000 บาร์เรล/วัน ในขณะที่กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย. โดยมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.2017
"ข้อตกลงดังกล่าวมีระยะเวลา 6 เดือน และเราควรให้เวลาแก่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในการปฏิบัติตามข้อตกลง ก่อนที่เราจะทำการประเมินแนวโน้มของตลาด ซึ่งหากกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันประสบผลสำเร็จในการลดกำลังการผลิต ก็จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของราคา และรายได้ของผู้ผลิต หลังจากประสบความยากลำบากมา 2 ปี แต่หากผู้ผลิตน้ำมันล้มเหลวในการทำตามข้อตกลง ก็จะทำให้เกิดปัญหาน้ำมันล้นตลาดเป็นปีที่ 4 และจะทำให้ราคาอ่อนตัวลงต่อไป" รายงานระบุ
IEA เปิดเผยว่า การผลิตน้ำมันดิบของโอเปกในเดือนพ.ย.อยู่ที่ระดับ 34.2 ล้านบาร์เรล/วัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าผลผลิตในเดือนต.ค.ราว 300,000 บาร์เรล
นอกจากนี้ IEA ยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีนี้ สู่ระดับ 1.4 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเพิ่มขึ้น 120,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันในปีหน้า สู่ระดับ 1.3 ล้านบาร์เรล/วัน โดยเพิ่มขึ้น 110,000 บาร์เรล/วันจากตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ อันเนื่องจากการปรับขึ้นอุปสงค์น้ำมันของรัสเซียและจีน