ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐ ได้ประกาศสั่งห้ามการดำเนินการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในอนาคต ครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ของมหาสมุทรอาร์กติกและแอตแลนติก โดยเป็นความเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดเพื่อตอกย้ำจุดยืนด้านสิ่งแวดล้อมก่อนที่ปธน.โอบามาจะก้าวออกจากตำแหน่งในเดือนหน้า
โอบามาได้ใช้อำนาจตามกฎหมาย Outer Continental Shelf Lands Act ซึ่งเปิดทางให้ประธานาธิบดีสามารถยกเลิกการให้เช่าและสำรวจพื้นที่เพื่อขุดเจาะน้ำมันและก๊าซ โดยทางทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโอบามาได้เข้ามาป้องกันทะเลชุกชีทั้งหมดรวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของทะเลโบฟอร์ตในมหาสมุทรอาร์กติก เช่นเดียวกับหุบเขาลึก 31 จุดในมหาสมุทรแอตแลนติก ไม่ให้เกิดการขุดเจาะทรัพยากร
นอกจากนี้ ทางการแคนาดายังเตรียมระงับใบอนุญาตให้เช่าพื้นที่เพื่อขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในมหาสมุทรอาร์กติกฝั่งแคนาดา ซึ่งตามปกติแล้วจะมีการทบทวนทุก 5 ปี โดยอาศัยการประเมินด้านสภาพอากาศและวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ประธานาธิบดีโอบามา กล่าวในแถลงการณ์ว่า "การดำเนินการเหล่านี้รวมถึงความเคลื่อนไหวจากฝั่งแคนาดา เป็นการอนุรักษ์ระบบนิเวศอันอ่อนไหวและมีลักษณะเฉพาะ ซึ่งไม่เหมือนกับภูมิภาคอื่นใดในโลกนี้"
โอบามายังกล่าวด้วยว่า "สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการประเมินทางวิทยาศาสตร์ที่ว่า แม้ทั้งสองประเทศได้วางมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุดแล้ว แต่ความเสี่ยงในการเกิดน้ำมันรั่วไหลในภูมิภาคนี้ยังมีอยู่มาก ขณะที่เรามีศักยภาพในการจัดการกับการรั่วไหลท่ามกลางสภาวะอันรุนแรงของภูมิภาคนี้นั้นก็ค่อนข้างจำกัด"
กระทรวงมหาดไทยสหรัฐ เปิดเผยว่า พื้นที่ที่เข้าข่ายยกเลิกใบอนุญาตให้เช่าตามที่ประกาศในครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่ 3.8 ล้านเอเคอร์ในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือและตอนกลางห่างจากฝั่งอีสต์โคสต์ของสหรัฐ เช่นเดียวกับพื้นที่ 115 ล้านเอเคอร์ในมหาสมุทรอาร์กติก
แซลลี จูเวลล์ รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยสหรัฐ กล่าวว่า "การถอนใบอนุญาตจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศที่มีความสำคัญเหล่านี้ ทั้งยังเป็นที่พำนักให้กับสิ่งมีชีวิตสปีชีส์ต่างๆที่ตกเป็นเป้าเสี่ยง รักษาการทำประมงเชิงการค้าและการยังชีพ ตลอดจนทำหน้าที่เป็นห้องแล็บธรรมชาติสำหรับเหล่านักวิทยาศาสตร์ เพื่อตรวจสอบและสำรวจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงในสภาพภูมิอากาศ"
ด้านนักวิเคราะห์มองว่า รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่น่าจะสามารถยกเลิกการดำเนินการของโอบามาได้โดยง่าย เนื่องจากกฎหมาย Outer Continental Shelf Lands Act ไม่ได้มีการระบุถึงขั้นตอนในการที่ปธน.คนใหม่จะสามารถยกเลิกการดำเนินการของผู้นำคนก่อน
อย่างไรก็ดี สภาคองเกรสสามารถมีมติผ่านร่างกฎหมายเพื่อยกเลิกคำสั่งห้ามดังกล่าว ซึ่งน่าจะต้องได้รับการสนับสนุนในระดับวุฒิสภา 60 เสียง อันเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับประเด็นโต้แย้งในหลายๆครั้ง สำนักข่าวซินหัวรายงาน