กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ออกรายงานในวันนี้ ระบุว่า การผลิตน้ำมันของโอเปกลดลงในเดือนก.พ. โดยซาอุดิอาระเบียได้ปรับลดกำลังการผลิตลงอย่างมาก ขณะที่สมาชิกโอเปกรายอื่นยังไม่ได้ลดกำลังการผลิตในระดับที่ได้สัญญาไว้
ทั้งนี้ โอเปกได้ผลิตน้ำมันรวมกัน 31.96 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนก.พ. โดยต่ำกว่าระดับ 32.10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนม.ค.
อย่างไรก็ดี รายงานระบุว่า สมาชิกโอเปกที่ให้สัญญาลดกำลังการผลิตได้ผลิตน้ำมัน 29.7 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ได้ผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 29.9 ล้านบาร์เรลในเดือนก.พ.
ลิเบีย และไนจีเรียได้รับการยกเว้นจากข้อตกลงลดกำลังการผลิต เนื่องจากประเทศทั้งสองกำลังฟื้นการผลิตน้ำมัน หลังจากที่การผลิตได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งภายในประเทศ ขณะที่อิหร่านก็ได้รับอนุญาตให้เพิ่มการผลิตเช่นกัน
รายงานระบุว่า อิรัก, สหรัฐอาหรับเอมิเรต, กาบอง, คูเวต, กาตาร์, และเอกวาดอร์ เป็นประเทศที่ได้ผลิตน้ำมันเกินโควตาที่กำหนด
อังโกลา เป็นเพียงประเทศเดียวที่ผลิตน้ำมันต่ำกว่าโควตา นอกเหนือจากซาอุดิอาระเบีย
ในการประชุมเมื่อวันที่ 30 พ.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มโอเปกได้บรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิต 1.2 ล้านบาร์เรล/วัน สู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วัน และจากนั้นในกลางเดือนธ.ค. ผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปกได้ตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตลง 558,000 บาร์เรล/วัน โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค.2017 และมีกำหนดเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งจะสิ้นสุดในกลางปีนี้
ขณะเดียวกัน รายงานโอเปกยังได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งขึ้น รวมทั้งสต็อกน้ำมันสหรัฐที่เพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ รายงานยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์การผลิตน้ำมันของประเทศนอกกลุ่มโอเปกในปีนี้
ทั้งนี้ โอเปกได้ปรับเพิ่มอุปสงค์น้ำมันในปีนี้ขึ้นอีก 70,000 บาร์เรล/วัน จากการคาดการณ์ที่ว่าประเทศยุโรปที่พัฒนาแล้ว และภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกจะมีการใช้น้ำมันดิบมากกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยขณะนี้โอเปกคาดว่าอุปสงค์น้ำมันโลกจะอยู่ในระดับเฉลี่ย 96.31 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้
นอกจากนี้ โอเปกยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อุปทานน้ำมันของประเทศนอกกลุ่มโอเปกขึ้นอีก 160,000 บาร์เรล/วัน โดยได้ปัจจัยหนุนจากการผลิตน้ำมันจากทรายน้ำมันของแคนาดา และการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐ